GreedisGoods » Investment » Earnings Per Share (EPS) คืออะไร? กำไรต่อหุ้นบอกอะไร

Earnings Per Share (EPS) คืออะไร? กำไรต่อหุ้นบอกอะไร

by Kris Piroj
EPS คือ Earnings Per Share คือ อัตราส่วน กำไรต่อหุ้น คือ

Earnings Per Share คืออะไร?

Earnings Per Share หรือ EPS คือ อัตราส่วนกำไรต่อหุ้น เป็นอัตราส่วนทางการเงินที่เกิดจากการเทียบระหว่างกำไรต่อจำนวนหุ้นทั้งหมดของบริษัท โดย Earnings Per Share (EPS) จะแสดงให้เห็นว่าบริษัทมีมูลค่ากำไรคิดเป็นเท่าไหร่ต่อหุ้น 1 หุ้น

การคำนวณหาค่า EPS หรือ Earnings Per Share คือการนำกำไรสุทธิของบริษัท (Net Profit) ซึ่งเป็นกำไรจากการดำเนินงานหลังหักค่าใช้จ่ายทั้งหมดออกแล้ว (รวมถึงเงินปันผลของหุ้นบุริมสิทธิ์) หารด้วยจำนวนจำนวนหุ้นของบริษัทที่ชำระแล้ว (Outstanding Shares) ซึ่งจะได้ผลออกมาเป็นอัตราส่วนกำไร X หน่วยต่อหุ้น (อย่างเช่น กำไร 10 บาทต่อหุ้น)

โดยอัตราส่วนกำไรต่อหุ้น (Earnings Per Share : EPS) เป็นอัตราส่วนทางการเงินที่ใช้ในการวิเคราะห์ในเบื้องต้นว่ากำไรของบริษัทมากหรือน้อยเมื่อเทียบกับส่วนของเจ้าของ (เทียบกับทุนของกิจการ) และบอกว่านักลงทุนจะได้ผลตอบแทนเท่าไหร่ต่อ 1 หุ้น

นอกจากนี้ นักลงทุนสามารถใช้ EPS เพื่อเปรียบเทียบความสามารถในการทำกำไรของบริษัทต่าง ๆ ในอุตสาหกรรมเดียวกัน รวมถึงติดตามการเติบโตของรายได้ของบริษัทเมื่อเวลาผ่านไป โดยทั่วไป EPS ที่สูง (และสูงขึ้น) แสดงถึงบริษัทมีผลกำไรที่สูง (และสูงขึ้น) และสามารถสร้างกำไรต่อหุ้นให้กับนักลงทุนได้มากขึ้น ซึ่งนักลงทุนควรนำไปพิจารณาร่วมกับการวิเคราะห์อัตราส่วนทางการเงินอื่น ๆ ต่อไป

วิธีหา Earnings Per Share (EPS)

วิธีคำนวณหา Earning Per Share หรือ EPS คือสิ่งที่สามารถทำได้โดยการนำกำไรสุทธิของบริษัท (Net Profit) หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญที่ชำระแล้ว (Outstanding Shares) หรือเขียนเป็นสูตร Earnings Per Share ได้ดังนี้: EPS = กำไรสุทธิ ÷ จำนวนหุ้นสามัญของบริษัทที่ชำระแล้ว

  • กำไรสุทธิ (Net Profit) คือกำไรจากการดำเนินงานของบริษัทหลังหักค่าใช้จ่ายทั้งหมดแล้ว (รวมถึงปันผลของหุ้นบุริมสิทธิ์)
  • จำนวนหุ้นของบริษัทที่ชำระแล้ว (Outstanding Shares) คือจำนวนหุ้นที่บริษัทออกจำหน่ายในตลาดทุนและอยู่ในมือผู้ถือหุ้นแล้ว

โดยค่า EPS หรือกำไรต่อหุ้นที่คำนวณออกมาจะมีหน่วยเป็นสกุลเงินตามสกุลเงินของกำไรสุทธิที่ระบุอยู่ในงบกำไรขาดทุน (Income Statement) ต่อหุ้น (สำหรับประเทศไทย คือ บาทต่อหุ้น)

ทั้งนี้ เมื่อคำนวณออกมาในเบื้องต้นแล้ว EPS มากกว่า 0 จะหมายถึงบริษัทสามารถทำกำไรสุทธิ (Net Profit) หรือผู้ถือหุ้นได้รับผลตอบแทนจากการถือ 1 หุ้นตามค่า EPS ที่ได้ และในทางกลับกันหาก EPS น้อยกว่า 0 คือการที่บริษัทไม่สามารถกำไรสุทธิ (Net Profit) หรือนักลงทุนขาดทุนจากการถือ 1 หุ้น และจะเรียกว่าผลขาดทุนต่อหุ้น (Loss Per Share หรือ LPS)

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนไม่จำเป็นที่จะต้องคำนวณหาค่า Earnings Per Share (EPS) เพื่อหากำไรต่อหุ้นเองเสมอไป โดยกำไรต่อหุ้นในอดีตจะแสดงอยู่ในงบการเงินของทุกบริษัทบนเว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (set.or.th) ในหน้าข้อมูลหุ้นรายตัวในหน้างบการเงิน ซึ่งนักลงทุนสามารถหาหุ้นที่ต้องการดู Earnings Per Share (EPS) โดยค้นหาจากหน้าค้นหาข้อมูลหุ้นรายบริษัท

EPS คือ Earnings Per Share คือ กำไรต่อหุ้น ตัวอย่าง SET
ตัวอย่าง Earnings Per Share (EPS) ของหุ้นที่แสดงอยู่ในเว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์ฯ

ตัวอย่าง EPS

สมมติว่า บริษัท A มีกำไรสุทธิ 10,000 บาท และมีจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมด 1,000 หุ้น และบริษัท B มีกำไรสุทธิ 20,000 บาท และมีจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมด 3,000 หุ้น โดยทั้ง 2 บริษัทเป็นธนาคาร ซึ่งค่าเฉลี่ย EPS ของธุรกิจธนาคารคือ 20 บาทต่อหุ้น

  • บริษัท A กำไรต่อหุ้นหรือ EPS = 10,000 ÷ 1,000 = 10 บาท ต่อหุ้น
  • บริษัท B กำไรต่อหุ้นหรือ EPS = 20,000 ÷ 3,000 = 6.67 บาท ต่อหุ้น

EPS หุ้นบอกอะไร

ในการวิเคราะห์ Earnings Per Share หรือ EPS ค่าที่คำนวณออกมาได้ได้จะถูกนำไปใช้เทียบกับค่า EPS ของบริษัทคู่แข่ง บริษัทในอุตสาหกรรมเดียวกัน และค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม โดยทั่วไป Earnings Per Share หรือ EPS คือค่าที่ยิ่งมีค่าที่สูงยิ่งดี เพราะค่า EPS ที่สูงคือสิ่งที่หมายความว่ากำไรต่อหุ้นยิ่งสูง กล่าวคือ ค่า EPS ที่สูงกว่า หมายความว่า 1 หุ้นได้ผลตอบแทนมากกว่า

อย่างไรก็ตาม ก็ไม่สามารถการันตีได้ว่า Earnings Per Share (EPS) ที่สูงหรือต่ำนั้นดีหรือไม่ดีเสมอไป เนื่องจากมีหลายปัจจัยเข้ามาเกี่ยวข้องอย่างเช่น ในบางกรณี EPS ที่สูงก็อาจเกิดจากการที่ใช้ต้นทุนสูงกว่าก็ได้ (ทำให้กำไรสูงตาม) ดังนั้นในการวิเคราะห์งบการเงินจึงไม่สามารถใช้ Earnings Per Share (EPS) เพียงอย่างเดียวในการวิเคราะห์

จากตัวอย่าง จะเห็นว่าค่า EPS หรือกำไรต่อหุ้น ของบริษัท A มีค่ามากกว่า แต่เมื่อถ้าพิจารณาดี ๆ จะเห็นว่าบริษัท B มีกำไรที่สูงกว่า เพียงแต่บริษัท B มีกำไรต่อหุ้นต่ำกว่า เพราะบริษัท B มีจำนวนหุ้นมากกว่า ทำให้นักลงทุนอาจจะต้องพิจารณาร่วมกับข้อมูลอื่น ๆ อย่างเช่น ประสิทธิภาพของการทำกำไรจากต้นทุนที่มี และการเติบโตของ EPS จากอดีต เป็นต้น

นอกจากนี้ ตัวเลข EPS หรือ Earnings Per Share ยังสามารถนำไปเปรียบเทียบราคาตลาดปัจจุบันของหุ้น เพื่อคำนวณหา Price to Earning Ratio หรือ P/E Ratio ได้อีกด้วย

บทความที่เกี่ยวข้อง

เว็บไซต์ของเราใช้คุกกี้ (Cookies) เพื่อมอบประสบการณ์ใช้งานที่ดียิ่งขึ้น ปรับตั้งค่าปฏิเสธ Cookies ยินยอม ดูรายละเอียด