GreedisGoods » Economics » ความยืดหยุ่นของอุปทาน คืออะไร? (Elasticity of Supply)

ความยืดหยุ่นของอุปทาน คืออะไร? (Elasticity of Supply)

by Kris Piroj
ความยืดหยุ่นของอุปทาน คือ Elasticity of Supply คือ ความยืดหยุ่นของอุปทาน ต่อราคา Elasticity of Supply

ความยืดหยุ่นของอุปทาน คือ อัตราการเปลี่ยนแปลงของปริมาณความต้องการขายสินค้า (Supply) เมื่อเทียบกับอัตราการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้า (Price) โดย Elasticity of Supply หรือความยืดหยุ่นของอุปทานจะแสดงให้เห็นว่าถ้าหากราคาสินค้าเปลี่ยนไป 1% ระดับปริมาณความต้องการขายสินค้านั้นจะเปลี่ยนไปเท่าไหร่

ถ้าหากใครเข้าใจเรื่องความยืดหยุ่นของอุปสงค์อยู่แล้ว สำหรับความยืดหยุ่นของอุปทาน (Elasticity of Supply) ก็จะคล้ายกัน เพียงแต่เป็นเรื่องของอุปทาน หรือ Supply แทน

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะบอกว่า ความยืดหยุ่นของอุปทาน (Elasticity of Supply) จะหลักการคล้ายกับ ความยืดหยุ่นของอุปสงค์ (Elasticity of Demand) แต่ความยืดหยุ่นของอุปทานจะมีเพียงรูปแบบเดียว ไม่ได้มีหลายปัจจัยเหมือนกับกรณีของความยืดหยุ่นของอุปสงค์

ความยืดหยุ่นของอุปทาน (Elasticity of Supply) แบบเดียวที่ว่าก็คือ ความยืดหยุ่นของอุปทานต่อราคา หรือ Price Elasticity of Supply

โดยทั่วไปแล้วความยืดหยุ่นของอุปทานจะเป็นไปในทิศทางเดียวกับราคา เมื่อราคาเพิ่มขึ้น (Price เพิ่ม) ความต้องการขายสินค้า (Supply) ก็จะเพิ่มตาม ในทางกลับกันเมื่อราคาลดลงความต้องการขายก็จะลดลงเช่นกัน ตามกราฟด้านล่าง

กราฟ ความยืดหยุ่นของอุปทาน คือ ความยืดหยุ่นของอุปทานต่อราคา คือ Price Elasticity of Supply
กราฟความยืดหยุ่นของอุปทาน (Elasticity of Supply) ในกรณีปกติ

คำนวณความยืดหยุ่นของอุปทาน

สามารถคำนวณความยืดหยุ่นของอุปทานต่อราคา (Price Elasticity of Supply : PES) ได้จาก: ความยืดหยุ่นของอุปทานต่อราคาหรือ Es = เปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงของความต้องการขาย ÷ เปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้า

การเปลี่ยนแปลงของปริมาณความต้องการขาย = ความต้องการขายเก่า – ความต้องการขายเก่า

การเปลี่ยนแปลงของราคา = ราคาใหม่ – ราคาเก่า

ตัวอย่างเช่น สินค้า B ราคา 5 บาท มีปริมาณความต้องการขาย 100 หน่วย เมื่อราคาสูงขึ้นเป็น 7 บาท ปริมาณความต้องการขายเพิ่มขึ้นเป็น 130 หน่วย

จากตัวอย่างด้านบนจะเห็นว่า:

เปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงของปริมาณความต้องการขาย เปลี่ยนไป 30 หน่วย คือ 30% (30 ÷ 100 x 100)

เปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงของราคา เปลี่ยนไป 2 บาท คือ 40% (2 ÷ 5 x 100)

ดังนั้น ความยืดหยุ่นของอุปทานต่อราคาหรือ Es = 30 ÷ 40

ความยืดหยุ่นของอุปทานต่อราคา Es = 0.75%

สรุป ความยืดหยุ่นของอุปสงค์ต่อราคา คือ 0.75% อธิบายได้ว่าถ้าหากราคาของสินค้า B (Price) เพิ่มขึ้น 1% ความต้องการขายสินค้า B จะเพิ่มขึ้น 0.75%


ประเภทของความยืดหยุ่นต่ออุปทาน

เมื่อคำนวณความยืดหยุ่นของอุปทาน ด้วยวิธีด้านบนสามารถแปลผลค่าที่ได้ออกมาเป็น 4 กรณี ได้แก่:

  1. อุปทานที่ไม่มีความยืดหยุ่น (Perfectly Inelastic Supply) Es = 0
  2. อุปทานที่มีความยืดหยุ่นน้อย (Inelastic Elastic Supply) 0 < Es < 1
  3. อุปทานที่มีความยืดหยุ่นมาก (Elastic Supply) 1 < Es < ∞
  4. อุปทานที่มีความยืดหยุ่นคงที่ (Unitary Elastic Supply) Es = 1

อุปทานที่ไม่มีความยืดหยุ่น (Perfectly Inelastic Supply)

ค่า Es = 0 จะเรียกว่า Perfectly Inelastic Supply หรือ อุปทานที่ไม่มีความยืดหยุ่น คือ การที่ระดับความต้องการขาย (Supply) ไม่เปลี่ยนตามราคา ไม่ว่าราคาจะเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นหรือลดลง ปริมาณความต้องการขายก็จะไม่เปลี่ยนไป

ในกรณีนี้มักจะเป็นสินค้าที่มีอยู่อย่างจำกัดหรือไม่สามารถหาเพิ่มได้แล้ว เช่น วัตถุโบราณ จำนวนห้องโรงแรม จำนวนที่นั่งของแต่ละเที่ยวบิน เป็นต้น

อุปทานที่มีความยืดหยุ่นน้อย (Inelastic Elastic Supply)

คำตอบที่ได้คือ 0 < Es < 1 หรือค่า Es อยู่ระหว่าง 0 ถึง 1 จะเรียกว่า Inelastic Elastic Supply หรือ อุปทานที่มีความยืดหยุ่นน้อย คือ การที่เมื่อราคาสินค้าเปลี่ยนไป 1% แต่ความต้องการขายสินค้าเปลี่ยนไปไม่ถึง 1%

เป็นสินค้าที่เกือบจะไม่ได้รับผลกระทบจากราคาที่เพิ่มขึ้นหรือลดลงของสินค้า โดยส่วนมากจะเป็นสินค้าที่ผลิตได้ครั้งละน้อย ๆ หรือผลิตได้ยาก

อุปทานที่มีความยืดหยุ่นมาก (Elastic Supply)

ค่า Es ที่ได้มากกว่า 1 เรียกว่า Elastic Supply หรือ อุปทานที่มีความยืดหยุ่นมาก คือ สินค้าประเภทที่ถ้าหากราคาเปลี่ยนแปลงเพียงแค่เล็กน้อย ก็จะส่งผลอย่างมากต่อความต้องการขายสินค้า (Supply)

โดยส่วนใหญ่สินค้าประเภทนี้มักจะเป็นสินค้าอุตสาหกรรมที่ใคร ๆ ก็ผลิตได้ สามารถผลิตได้

อุปทานที่มีความยืดหยุ่นคงที่ (Unitary Elastic Supply)

ค่า Es = 1 เรียกว่า Unitary Elastic Supply หรือ อุปทานที่มีความยืดหยุ่นคงที่ คือ การที่เมื่อราคาสินค้าเปลี่ยนแปลงไป 1% ความต้องการขายก็จะเปลี่ยนแปลง 1% เช่นกัน

การเปลี่ยนแปลงของความต้องการขายและราคาจะเปลี่ยนแปลงเท่ากันเสมอ

บทความที่เกี่ยวข้อง