ดาวโจนส์ คืออะไร?
ดาวโจนส์ คือ Dow Jones Industrial Average หรือ ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เป็นดัชนีหุ้นที่คำนวณมาจาก 30 บริษัทผู้นำในอุตสาหกรรมที่จดทะเบียนอยู่ใน Nasdaq และ NYSE ซึ่งดัชนีดาวโจนส์ คือ ดัชนีที่จัดทำขึ้นโดยบริษัท The Wall Street Journal editor และ Dow Jones & Company
ความสำคัญของ Dow Jones หรือ ดัชนีดาวโจนส์ คือ เป็นหนึ่งในดัชนีหุ้นที่เก่าแก่และได้รับความสนใจมากที่สุดในโลก เนื่องจากเป็นดัชนีที่ใช้สะท้อนทิศทางของเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกามาตั้งแต่ยุคเริ่มต้น รวมถึงใช้ในการคาดการณ์ตลาดหุ้นทั่วโลกในบางกรณี
ดัชนีดาวโจนส์ คือดัชนีที่คำนวณมาจากราคาหุ้นของบริษัทที่มีขนาดใหญ่และเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม ส่งผลให้ทิศทางราคาของ ดัชนีดาวโจนส์ เป็นสิ่งที่สะท้อนผลประกอบการของบริษัทใน Dow Jones Industrial Average (DJIA) และทิศทางของตลาดหุ้นสหรัฐ
เพราะราคาหุ้นคือสิ่งที่เกิดจากความคาดหวังต่อผลประกอบการของนักลงทุน การที่นักลงทุนมองว่าหุ้นสามารถทำกำไรได้นักลงทุนก็จะซื้อและทำให้ราคาหุ้นสูงขึ้น ในขณะที่ถ้านักลงทุนมองว่าหุ้นจะไม่สามารถทำกำไรได้ราคาหุ้นก็จะลดลง
ด้วยความที่หุ้นในดาวโจนส์ คือ หุ้นขนาดใหญ่ที่เป็นผู้นำของอุตสาหกรรม การที่หุ้นเหล่านี้ขาดทุนพร้อมกันได้ (หรือนักลงทุนมองว่าจะขาดทุน) จนทำให้เกิดการขายจนดัชนีดาวโจนส์ลบ ย่อมมีเหตุผลบางอย่างจากปัจจัยภายนอก (อย่างเช่น สถานการณ์โควิด)
ในทางกลับกัน การที่หุ้นเหล่านี้สามารถทำกำไรได้พร้อมกัน (หรือนักลงทุนมองว่าจะทำได้) จนทำให้ดัชนีดาวโจนส์เป็นบวกได้ ย่อมมาจากการที่เศรษฐกิจอยู่ในช่วงที่คึกคักผู้คนมีกำลังในการจับจ่ายใช้สอย
ทั้งหมดทำให้ ดัชนีดาวโจนส์ คือ ตัวเลขที่นักลงทุนนิยมใช้ในการคาดการณ์ผลประกอบการของธุรกิจและทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐในระยะยาว (ดูจากแนวโน้มของราคาในระยะยาว) มาตั้งแต่ในยุคเริ่มต้นของ Dow Jones Industrial Average หรือ ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์
หุ้นดาวโจนส์ มีอะไรบ้าง
ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ หรือ Dow Jones Industrial Average คือดัชนีที่คำนวณมาจากหุ้นของ 30 บริษัทผู้นำอุตสาหกรรมของสหรัฐอเมริกาที่จดทะเบียนอยู่ใน Nasdaq และ NYSE เหมือนกับการที่ SET50 คัดหุ้นขนาดใหญ่มาจากหุ้นในตลาดหุ้นไทย
อย่างเช่นในยุคเริ่มต้น หุ้นในดัชนี ดาวโจนส์ คือ หุ้นในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodities) และอุตสาหกรรม (Industries) เช่น รางรถไฟ แก๊ส น้ำมัน น้ำตลาด ยาสูบ และผ้าฝ้าย ซึ่งเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ ณ เวลานั้น
การคำนวณ ดัชนีดาวโจนส์ (DJIA) โดยทั้ง 30 บริษัทจะถูกคัดเลือกด้วยเงื่อนไขของผู้จัดทำ ดัชนีดาวโจนส์ ซึ่งก็คือบริษัท The Wall Street Journal editor และ Dow Jones & Company ซึ่งจะสามารถเปลี่ยนแปลงได้ถ้าหากมีบริษัทที่หลุดเงื่อนไขของดัชนี Dow Jones เหมือนกับดัชนีหุ้นอื่นๆ
สำหรับหุ้นทั้ง 30 บริษัทที่อยู่ใน ดาวโจนส์ ณ วันที่เขียนบทความ (พฤษภาคม 2563) ได้แก่
- 3M (MMM)
- American Express (AXP)
- Apple (AAPL)
- Boeing (BA)
- Caterpillar (CAT)
- Chevron (CVX)
- Cisco Systems (CSCO)
- Coca-Cola (KO)
- Dow Chemical (DOW)
- ExxonMobil (XOM)
- Goldman Sachs Group (GS)
- Home Depot (HD)
- Intel Corporation (INTC)
- IBM (IBM)
- Johnson & Johnson (JNJ)
- JPMorgan Chase (JPM)
- McDonald’s (MCD)
- Merck (MRK)
- Microsoft (MSFT)
- Nike (NKE)
- Pfizer Inc. (PFE)
- Procter & Gamble (PG)
- The Travelers Companies (TRV)
- United Technologies (UTX)
- UnitedHealth Group Inc. (UNH)
- Verizon (VZ)
- Visa (V)
- WalMart (WMT)
- Walt Disney (DIS)
- Walgreens Boots Alliance (WBA)
หุ้นในดาวโจนส์ ยุคแรก
สำหรับบริษัทที่อยู่ใน ดัชนีดาวโจนส์ หรือ Dow Jones Industrial Average ยุคแรก ประกอบด้วย 12 บริษัท ที่ในขณะนั้นเป็นบริษัทขนาดใหญ่ รายได้สูง และเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง ได้แก่
American Cotton Oil Company, American Sugar Company, American Tobacco Company, Chicago Gas Company, Distilling & Cattle Feeding Company, General Electric, Laclede Gas Company, National Lead Company, North American Utility Company, Tennessee Coal & Iron, U.S. Leather Company, และ U.S. Rubber Company