GreedisGoods » Economics » ตราสารหนี้ภาคเอกชน คืออะไร?

ตราสารหนี้ภาคเอกชน คืออะไร?

by Kris Piroj
ตราสารหนี้ภาคเอกชน คือ หุ้นกู้ ตราสารหนี้ เอกชน บริษัท

ตราสารหนี้ภาคเอกชน คืออะไร?

ตราสารหนี้ภาคเอกชน คือ ตราสารหนี้ที่ออกโดยภาคเอกชนหรือที่เรียกอีกอย่างว่า หุ้นกู้ (Corporate Bond) เป็นตราสารหนี้ที่ออกโดยบริษัทที่ต้องการเงินลงทุน ถ้าหากอธิบายให้ง่ายกว่านั้น ตราสารหนี้ภาคเอกชน คือ การที่บริษัทออกตราสารขึ้นมาเพื่อกู้เงินจากนักลงทุน

ด้านนักลงทุนที่ซื้อ ตราสารหนี้ภาคเอกชน ตราสารที่นักลงทุนซื้อไปจะทำให้นักลงทุนมีสถานะเป็นเจ้าหนี้ของบริษัทที่ออกตราสารหนี้ โดยจะได้ผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยตามที่กำหนดเอาไว้ในตราสารหนี้เอกชนดังกล่าว

สำหรับความเสี่ยงของตราสารหนี้ภาคเอกชนคือการที่มีโอกาสที่บริษัทเอกชนที่ออกตราสารหนี้จะผิดนัดชำระหนี้ได้เมื่อบริษัทที่ออกตราสารเกิดการขาดสภาพคล่องและล้มละลาย

ด้วยเหตุผลด้านความเสี่ยงทำให้ ตราสารหนี้ภาคเอกชน จะมีการจัดอันดับความเสี่ยงที่เรียกว่า Credit Rating ที่เป็นการจัดลำดับวามเสี่ยงตั้งแต่ความเสี่ยงต่ำสุด AAA AA A BBB BB B C และ D ที่เป็นความเสี่ยงสูงสุด โดยความเสี่ยงสูงสุดจะให้ดอกเบี้ยสูงสุด (แลกกับการที่โอกาสผิดนัดชำระหนี้สูงสุด)

วิธีลงทุนใน ตราสารหนี้ภาคเอกชน

ตราสารหนี้ภาคเอกชน คือ หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายบน 2 ตลาดเช่นเดียวกับตราสารหนี้และตราสารทุนอื่นๆ โดยแบ่งเป็น ตลาดแรก และ ตลาดรอง โดยการลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนในแต่ละตลาดจะแตกต่างกันดังนี้

ตราสารหนี้ตลาดแรก คือ การซื้อตราสารหนี้ภาคเอกชนที่ออกครั้งแรก ด้วยการติดต่อซื้อจากผู้ค้าตราสารหนี้ (Dealers) ที่ได้รับมอบหมายจากบริษัทจดทะเบียนที่จะออกตราสารหนี้หรือออกหุ้นกู้ (โดยปกติจะเป็นธนาคารพานิชย์และบริษัทหลักทรัพย์)

ตราสารหนี้ตลาดรอง คือ ตลาดซื้อขายแลกเปลี่ยนตราสารหนี้ระหว่างนักลงทุน (คล้ายกับกรณีหุ้นที่ซื้อขายกันอยู่ในตลาดหุ้น)

สิ่งที่เราจะอธิบายในบทความนี้คือประเด็นที่ว่า ทำไมธนาคารแห่งประเทศไทยต้องให้ความช่วยเหลือตลาดตราสารหนี้ภาคเอกชน ด้วยการจัดตั้ง กองทุนเสริมสภาพคล่องตลาด ตราสารหนี้ภาคเอกชน  (Corporate Bond Stabilization Fund: BSF)

สำหรับใครที่ต้องการทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องพื้นฐานของ หุ้นกู้ (Corporate Bond) อ่านได้ที่บทความ หุ้นกู้ หรือ Corporate Bond คืออะไร

ทำไมต้องช่วย ตลาดตราสารหนี้ภาคเอกชน

ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่ากลไกของ ตลาดตราสารหนี้ภาคเอกชน คือ กลไกราคาที่ไม่ต่างจากกลไกของการลงทุนในรูปอื่นๆ ที่นักลงทุนจะเลือกลงทุนในสิ่งที่คาดว่าจะได้ผลตอบแทนที่ดีกว่า และไม่ต้องการลงทุนในการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่ต่ำกว่าหรือไม่เป็นที่ต้อองการ

ตัวอย่างเช่น ในกรณีที่ผลตอบแทนอัตราดอกเบี้ยของตราสารหนี้อื่นสูงขึ้น (อย่างเช่นดอกเบี้ยของตราสารหนี้ที่ใหม่กว่า สูงขึ้นตามดอกเบี้ยนโยบายที่เพิ่มขึ้น) ราคาของตราสารหนี้จะลดลง เพราะไม่มีใครอยากลงทุนในสิ่งที่ลงทุนเท่ากันแต่ผลตอบแทนน้อยกว่า (กรณีนี้คือตราสารหนี้เก่าที่ให้ผลตอบแทนสู้ตราสารหนี้ที่ออกใหม่ไม่ได้ทั้งที่ราคาเท่ากัน)

ปัญหาปัจจุบันของ ตลาดตราสารหนี้ภาคเอกชน คือ การที่ในช่วง COVID-19 สิ่งที่เกิดขึ้นคือความไม่มั่นใจของนักลงทุนที่กลัวว่าบริษัทจะล้มจากการที่เศรษฐกิจต้องหยุดชะงักลง ทำให้นักลงทุนเทขายตราสารหนี้และไม่อยากลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชน

การเทขายส่งผลให้ตลาดตราสารหนี้ภาคเอกชนผันผวนอย่างมาก อีกทั้งยังทำให้ความไม่เชื่อมั่นมีมากขึ้น เมื่อความเชื่อมั่นน้อยลงจนทำให้คนไม่อยากลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชน สิ่งที่เกิดขึ้นคือทำให้การ Rollover (ต่ออายุหนี้) เกิดปัญหา 2 กรณีคือ

  1. ไม่สามารถทำได้ เพราะไม่มีใครอยากซื้อ เนื่องจากกลัวว่าธุรกิจจะล้ม
  2. ทำได้ยากขึ้นจากต้นทุนที่สูงขึ้น ถ้าไม่ให้ดอกเบี้ยสูงก็จะไม่มีคนซื้อ (นักลงทุนต้องการผลตอบแทนมากขึ้น เพราะความเสี่ยงเพิ่มขึ้นจากเวลาปกติ

สิ่งที่ตามมาจากปัญหาการ Rollover หรือ การต่ออายุหนี้ ทั้ง 2 กรณี คือ การทำให้บริษัทฯ ที่ออกตราสารหนี้ขาดสภาพคล่องยิ่งกว่าเดิม จากที่เดิมทีก็มีปัญหาขายไม่ออกอยู่แล้ว และเคสแย่ที่สุดในระยะยาวบริษัทที่ขาดสภาพคล่องก็จะทนไม่ไหวและล้มละลายในที่สุด

เมื่อบริษัทเหล่านี้ล้มละลายหมายความว่าจะไม่สามารถชำระหนี้ได้ (Default) ซึ่งหมายถึงการที่เงินลงทุนของผู้ที่ลงทุนในหุ้นกู้ที่บริษัทออกจะกลายเป็น 0

ตรงส่วนนี้เองที่เป็นปัญหา เพราะนอกจากนักลงทุนทั่วไปจะขาดทุนโดยตรง ยังมีผู้ลงทุนอีกประเภทที่ขาดทุนด้วยเช่นกัน ตัวอย่างเช่น กองทุนรวมตราสารหนี้ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ สหกรณ์ออมทรัพย์ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ และกองทุนประกันสังคมด้วย

กองทุนเหล่านี้คือกองทุนที่หลายคนในช่วงวัยทำงานน่าจะคุ้นเคยกันดี เพราะเป็นกองทุนที่เป็นเงินออมของคุณนั่นเอง เมื่อกองทุนเหล่านี้ได้กำไรลดลงหรือขาดทุน หมายความว่าเงินออมของคุณจะหายไปนั่นเอง

ตราสารหนี้ภาคเอกชน คือ หุ้นกู้ กองทุน BSF

ที่มาของข้อมูลสัดส่วนการลงทุนและภาพจาก Facebook fanpage ธนาคารแห่งประเทศไทย

กองทุน BSF คืออะไร

จากที่อธิบายด้านบนจะเห็นว่าปัญหาที่เกิดขึ้นกับ ตลาดตราสารหนี้ภาคเอกชน คือ การเทขายจากทั้งความไม่มั่นใจในธุรกิจและราคาที่ลดลง จนทำให้ตลาดตราสารหนี้ภาคเอกชนเกิดความผันผวนอย่างหนักจนมีปัญหากับการ Rollover ตราสารหนี้

ธนาคารแห่งประเทศไทยและกระทรวงการคลัง จึงตั้งกองทุนเสริมสภาพคล่องตลาดตราสารหนี้ภาคเอกชน  (Corporate Bond Stabilization Fund: BSF) วงเงิน 4 แสนล้านบาท เพื่อเข้าไปรับซื้อตราสารหนี้ที่ออกโดยบริษัทที่มีคุณภาพดีที่มีตราสารหนี้ครบกำหนดชำระในช่วงปี 2563–2564

โดยมีเงื่อนไขคือ บริษัทที่ขอรับความช่วยเหลือจากกองทุนฯ จะต้องชำระอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าอัตราตลาด ต้องระดมทุนส่วนใหญ่ได้จากแหล่งเงินทุนอื่น เช่น การกู้เงินธนาคารพาณิชย์หรือการเพิ่มทุน ต้องมีแผนการจัดหาทุนในระยะยาวที่ชัดเจน รวมทั้งต้องผ่านเกณฑ์และปฏิบัติตามเงื่อนไขที่คณะกรรมการกำกับกองทุนกำหนด 

พูดให้ง่ายกว่านั้นก็คือ เพื่อไม่ให้บริษัทที่ไม่ได้มีปัญหาจริงๆ ต้องมีปัญหาสภาพคล่องเพราะไม่สามารถ Rollover ได้ในช่วงที่ตลาดผันผวนนั่นเอง เพราะถ้าหากบริษัทเหล่านี้ต้องล้มไปด้วย (แบบงงๆ) ปัญหาหนี้ที่อาจนำไปสู่ วิกฤตเศรษฐกิจ 2020 ก็จะเกิดได้ง่ายขึ้นไปอีก

บทความที่เกี่ยวข้อง