GreedisGoods » Accounting » สินทรัพย์ไม่มีตัวตน คืออะไร? มีอะไรบ้าง (Intangible Assets)

สินทรัพย์ไม่มีตัวตน คืออะไร? มีอะไรบ้าง (Intangible Assets)

by Kris Piroj
สินทรัพย์ไม่มีตัวตน คือ บัญชี Intangible Assets คือ ตัวอย่าง สินทรัพย์ไม่มีตัวตน

สินทรัพย์ไม่มีตัวตน คืออะไร?

สินทรัพย์ไม่มีตัวตน คือ สินทรัพย์ที่มีมูลค่าต่อกิจการซึ่งไม่สามารถจับต้องได้ ไม่มีรูปร่างทางกายภาพ และไม่สามารถมองเห็นตัวสินทรัพย์ได้ แต่กิจการสามารถสร้างมูลค่าและประเมินมูลค่าของสินทรัพย์ไม่มีตัวตนหรือ Intangible Assets ออกมาเป็นตัวเงินได้

หากอ้างอิงตามมาตรฐานการบัญชี สินทรัพย์ไม่มีตัวตน (Intangible Assets) คือสินทรัพย์ที่ไม่เป็นตัวเงินที่สามารถระบุได้และไม่มีกายภาพ และสินทรัพย์บางอย่างจะเข้าเกณฑ์และสามารถระบุได้ว่าเป็นสินทรัพย์ไม่มีตัวตนในทางบัญชีตามคำนิยามได้ก็ต่อเมื่อเข้าเงื่อนไข ดังนี้

  • สามารถแยกเป็นเอกเทศได้ คือ การที่สามารถแยกหรือแบ่งจากกิจการและสามารถขาย ให้สิทธิ ให้เช่า โอน หรือแลกเปลี่ยนได้อย่างเอกเทศ หรือรวมกับสัญญาที่เกี่ยวข้อง ถือว่าเป็นสินทรัพย์หรือหนี้สินที่สามารถระบุได้โดยไม่คำนึงว่ากิจการตั้งใจจะแยกเป็นเอกเทศหรือไม่ หรือ
  • สินทรัพย์นั้นเกิดจากสัญญาหรือสิทธิทางกฎหมายอื่น โดยไม่คำนึงถึงว่าสิทธิเหล่านั้นจะสามารถโอนหรือสามารถแยกออกจากกิจการหรือจากสิทธิและภาระผูกพันอื่นๆ

โดยทั่วไป Intangible Assets หรือ สินทรัพย์ไม่มีตัวตนหรือ เป็นสินทรัพย์ที่เกี่ยวกับสิทธิตามใบอนุญาต, ทรัพย์สินทางปัญญา, ความรู้ทางเทคนิค (Know How), สูตร (Formula), เครื่องหมายการค้า, นวัตกรรม (Innovation), และความรู้ทางการตลาด

ตัวอย่างสินทรัพย์ไม่มีตัวตนที่สามารถพบได้ในชีวิตประจำวัน ได้แก่ โปรแกรมคอมพิวเตอร์, งานเขียนบนทุกเว็บไซต์ที่เขียนขึ้นมาใหม่ (ทุกบทความในเว็บนี้ก็เช่นกัน), เครื่องหมายการค้าหรือยี่ห้อของสินค้า, รายชื่อลูกค้า, วรรณกรรม, นิยาย, ภาพยนต์, และการจำกัดจำนวนสินค้านำเข้า เป็นต้น

ซึ่งกิจการจะเพิ่มสินทรัพย์ไม่มีตัวตน (Intangible Assets) เข้ามาในบัญชีเมื่อสามารถวัดราคาทุนของสินทรัพย์ไม่มีตัวตนดังกล่าวได้ และสามารถใช้ประโยชน์ทางเศรษฐกิจจากสินทรัพย์ไม่มีตัวตนดังกล่าวได้ในอนาคต และกิจการจะต้องนำสินทรัพย์ไม่มีตัวตนออกจากบัญชีเมื่อเป็นไปในทางตรงกันข้ามหรือจำหน่ายสินทรัพย์ไม่มีตัวตนออก

สินทรัพย์ไม่มีตัวตน มีอะไรบ้าง?

สินทรัพย์ไม่มีตัวตน (Intangible Assets) คือสินทรัพย์ที่จับต้องไม่ได้แต่สามารถวัดมูลค่าและสร้างมูลค่าได้ตามที่ได้อธิบายตามเงื่อนไขในตอนต้น โดยในบทความนี้เราจะอธิบายแต่ละประเภทของสินทรัพย์ไม่มีตัวตนแต่ละรายการแบบเข้าใจง่าย ๆ เท่านั้น หากต้องการรายละเอียดสำหรับการตีความแต่ละรายการของสินทรัพย์ไม่มีตัวตน (Intangible Assets) แบบละเอียด สามารถดูได้จาก มาตรฐานการบัญชี เรื่อง สินทรัพย์ไม่มีตัวตน

โดยรายการสินทรัพย์ไม่มีตัวตน (Intangible Assets) ในเบื้องต้นสามารถแบ่งหมวดหมู่ได้ ดังนี้:

  • สิทธิบัตร (Patent)
  • ลิขสิทธิ์ (Copyrights)
  • เครื่องหมายการค้า (Trademark)
  • ค่าความนิยม (Goodwill)
  • สิทธิการเช่า (Leasehold)

สิทธิบัตร (Patent) คือ ความคุ้มครองสำหรับไอเดียการประดิษฐ์คิดค้น การสร้างนวัตกรรมบางอย่างขึ้นมาและการออกแบบผลิตภัณฑ์บางอย่างที่ไม่เหมือนคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นการการประดิษฐ์ขึ้นใหม่และการต่อยอดสิ่งประดิษฐ์ที่มีอยู่แล้วให้ดีกว่าเดิม

ลิขสิทธิ์ (Copyrights) คือ สิทธิแต่ผู้เดียวที่กฎหมายคุ้มครองผู้สร้างสรรค์งาน ได้แก่ สิทธิในการทำซ้ำ การดัดแปลง หรือการนำออกโฆษณา ตัวอย่างเช่น สิทธิในงานเขียน (ทุกบทความในเว็บก็นับว่าเป็นลิขสิทธิ์ของผู้เขียน) ภาพถ่าย ภาพวาด และวรรณกรรม เป็นต้น

เครื่องหมายการค้า (Trademark) คือ เครื่องหมายหรือสัญลักษณ์หรือตราที่ใช้เป็นสัญลักษณ์ของสินค้าหรือบริการในแต่ละแบรนด์ เพื่อแยกแบรนด์ออกจากสินค้าประเภทเดียวกันของแบรนด์อื่นๆ อย่างเช่น Toyota, Coca cola, McDonald, และ Starbucks

ค่าความนิยม (Goodwill) คือ สิ่งทำให้กิจการมีความโดดเด่นจากกิจการอื่นๆ จนสามารถทำให้กลายเป็นจุดขายที่กิจการประเภทเดียวกันกิจการอื่นๆ ไม่มี โดยส่วนมากสินทรัพย์ไม่มีตัวตนในส่วนของ ค่าความนิยม หรือ Goodwill จะเกิดจากความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า ความน่าเชื่อถือ ชื่อเสียง และการที่กิจการมีอยู่มานาน ตัวอย่างเช่น ชื่อเสียงของบริษัท Coca Cola และ Pepsi ที่ไม่มีน้ำอัดลมแบรนด์อื่นเทียบได้

สิทธิการเช่า (Leasehold) คือ สิทธิในการเช่าอสังหาริมทรัพย์ที่ได้ทำสัญญาแลกเปลี่ยนกับค่าตอบแทน (หรือค่าเช่า) ไว้กับเจ้าของอสังหาริมทรัพย์

สัมปทานและการอนุญาตให้ใช้สิทธิ (Franchises and Licensing) คือ สิทธิในการประกอบกิจการที่ได้จากรัฐบาลหรือแบรนด์บางแบรนด์ เพื่อการประกอบธุรกิจบางอย่างหรือเป็นตัวแทนขายผลิตภัณฑ์บางอย่าง ตัวอย่างเช่น สัมปทานรถไฟฟ้า สัมปทานทางด่วน 7-11 บีบีซีไทย และการได้ลิขสิทธิ์ของ Hello Kitty เป็นต้น

บทความที่เกี่ยวข้อง