Production Possibility Curves คืออะไร?
Production Possibility Curves คือ เส้นความเป็นไปได้ในการผลิต หรือ เส้นเป็นไปได้ในการผลิต เป็นเส้นที่แสดงความสามารถสูงสุดของการผลิตสินค้า 2 ชนิดภายใต้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด ตามแนวคิดเรื่องต้นทุนค่าเสียโอกาส (Opportunity Costs)
ซึ่ง Production Possibility Curves (เส้น PPC) หรือเส้นเป็นไปได้ในการผลิตคือสิ่งที่เกิดจากกราฟที่แสดงค่าเสียโอกาสจากการเสียโอกาสในการผลิตสินค้าหนึ่ง เมื่อใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดไปกับการผลิตสินค้าอีกชนิดหนึ่ง
โดยเส้นเป็นไปได้ในการผลิตหรือ Product Possibility Curve (PPC) จะแสดงให้เห็นค่าเสียโอกาส (Opportunity Costs) ที่เกิดขึ้นจากการเลือกที่จะใช้ทรัพยากรในการผลิตสิ่งหนึ่งมากขึ้น ที่จะทำให้ปริมาณการผลิตสินค้าอีกชนิดหนึ่งลดลง
ตัวอย่างเช่น ผู้ผลิตมีต้นทุนแรงงานที่จำกัด คือ พนักงาน 4 คน โดยที่ผู้ผลิตดังกล่าวสามารถใช้แรงงานที่มีอยู่ในการผลิตสินค้าได้ 2 ชนิด คือ จานและกล่องพลาสติก
จากปัญหาในตัวอย่างดังกล่าวเมื่อเขียนเป็นกราฟจะทำให้เห็นเส้นความเป็นไปได้ในการผลิต (Production Possibility Curves) หรือเส้น PPC ตามกราฟในภาพด้านล่าง โดยเส้นความเป็นไปได้ในการผลิตจะแสดงออกมาเป็นเส้นโค้งสีแดงและเส้นโค้งสีดำในกราฟ
จากกราฟจะเห็นว่าถ้าหากผู้ผลิตเลือกผลิตจาน 10 หน่วย จะทำให้สามารถผลิตกล่องได้เพียง 6 หน่วย (เส้นความเป็นไปได้ในการผลิตสีดำ)

ในกรณีที่เลือกผลิตจาน 10 หน่วยต้นทุนค่าเสียโอกาสของการผลิตจานในกราฟ PPC คือการเสียโอกาสในการผลิตกล่อง 4 หน่วย (เพราะผลิตได้แค่ 6 หน่วย)
แต่ในทางกลับกันถ้าผู้ผลิตเลือกผลิตจานเพียงแค่ 6 หน่วย จะทำให้สามารถผลิตกล่องได้ถึง 10 หน่วย (เส้นความเป็นไปได้ในการผลิตสีแดง)
ต้นทุนค่าเสียโอกาสของการผลิตกล่อง 10 กล่องในกราฟ PPC คือการเสียโอกาสในการผลิตจาน 4 หน่วย (เพราะผลิตได้แค่ 6 หน่วย)
จากกราฟเส้นความเป็นไปได้ในการผลิต (Production Possibility Curves) ในกรณีตัวอย่างนี้จะเห็นว่าไม่ว่าจะเลือกผลิตสินค้าอีกชนิดเป็นอะไรก็จะได้จำนวนหน่วยของสินค้าอีกชนิดเท่ากันที่เท่ากัน (จาน 10 กล่อง 6 หรือ กล่อง 6 จาน 10)
จุดที่ดีที่สุดในการผลิต
ทุกจุดที่เกิดขึ้นใน เส้นความเป็นไปได้ในการผลิต (Production Possibility Curves) คือจุดในการผลิตที่สุด แต่จะแตกต่างกันผลลัพธ์ในการผลิตเท่านั้น
ดังนั้น ในกรณีนี้ต้องพิจารณาต่อไปว่าสินค้าใดมีมูลค่ามากกว่ากันหรือสินค้าชนิดใดมีต้นทุนในส่วนอื่นที่ต่ำกว่ากันเพื่อเลือกผลิตสินค้าที่ให้ผลตอบแทนสูงที่สุด (หรือต้องการจะผลิตให้ได้มากที่สุด)
ซึ่งการผลิตที่ให้ผลตอบแทนคุ้มค่าอาจจะพิจารณาได้จาก:
- ต้นทุนการผลิตสินค้าใดต่ำกว่ากัน
- ราคาขายและกำไรในสินค้าใดมากกว่ากัน
- ระยะเวลาในการผลิตสินค้าชนิดใดต่ำกว่า
สามารถอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับต้นทุนค่าเสียโอกาสแบบละเอียดต่อได้ที่บทความ: ต้นทุนค่าเสียโอกาส หรือ Opportunity Cost คืออะไร?