Above the Line คือ รูปแบบหนึ่งของช่องทางในการประชาสัมพันธ์ โดยการประชาสัมพันธ์แบบ Above the Line คือการโฆษณาบนสื่อหลัก ซึ่งคำว่าสื่อหลักในที่นี้ก็คือโฆษณาบนโทรทัศน์ วิทยุ และหนังสือพิมพ์ (สื่อในยุคเก่า)
อาจเรียกได้ว่า Above the Line คือการโฆษณาผ่านตัวกลางแบบเก่า ๆ ที่ในปัจจุบันคนรุ่นใหม่เริ่มไม่มีใครสนใจแล้วก็ว่าได้
แต่อย่าเพิ่งมองว่าการโฆษณาแบบ Above the Line ไม่มีประโยชน์อีกต่อไปแล้วในปัจจุบัน เพราะโฆษณาแบบ Above the Line ยังสามารถใช้เพื่อเข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายบางกลุ่มได้อยู่
ตัวอย่างเช่น ผู้สูงอายุ (Gen B หรือ Babyboomer) คนที่ไม่ได้ใช้ Internet และ คนที่การดูทีวีหรือฟังวิทยุยังสะดวกกว่าการใช้อินเตอร์เน็ต
จากตัวอย่างที่ยกมา หลายคนอาจนึกถึงพวกโฆษณายาผิดกฎหมายหรือยาที่มีข่าวหลอกลวงบ่อย ๆ ตามเคเบิ้ลทีวี ซึ่งมิจฉาชีพเหล่านี้ก็ใช้โอกาสจากตรงนี้เช่นกัน เพราะคนรุ่น Baby Boomer จำนวนมากยังเชื่อสิ่งที่ TV พูดอยู่
ข้อดีของ Above the Line
ข้อดีของโฆษณาแบบ Above the Line คือการที่สามารถทำให้คนทั่วไปรู้จัก (และจำได้) อีกทั้งยังช่วยให้แบรนด์มีความน่าเชื่อถือและมีภาพลักษณ์ที่ดีได้
อย่างน้อยในประเทศไทย (และในอีกหลายประเทศ) ยังมีคนจำนวนไม่น้อยที่ยังเชื่อว่าอะไรที่อยู่ในทีวีหรืออยู่ในข่าวเป็นสิ่งที่น่าเชื่อถือหรือเป็นสิ่งที่ดีเสมอ (ส่วนความจริงเป็นอย่างไร เราต่างรู้ ๆ กันอยู่)
ตัวอย่างเดิม ผู้สูงอายุจำนวนไม่น้อยยังเชื่อว่า ยาผิดกฎหมายในเคเบิ้ลทีวีไม่น่าจะเป็นเรื่องหลอกลวง (เพราะอยู่ใน TV ที่พวกเขาเชื่อถือ)
ข้อเสียของ Above the Line
ข้อเสียและข้อจำกัดที่สำคัญมากๆ ของ โฆษณาแบบ Above the Line คือ ต้นทุน และการเลือกกลุ่มเป้าหมาย (Target) ที่จะรับชมโฆษณา
ต้นทุนในการลงโฆษณาแบบ Above the Line สูงมาก ไม่ว่าจะเป็น TV วิทยุ หรือสิ่งพิมพ์ก็ตาม
ไม่สามารถเลือกกลุ่มเป้าหมายได้อย่างละเอียด อย่างมากก็เลือกได้กับหนังสือพิมพ์เศรษฐกิจ หรือรายการทีวีเฉพาะทาง แต่ก็ยังไม่สามารถลงลึกได้เท่า Below the Line อยู่ดี
แต่ถ้าหากว่าคุณต้องการลงโฆษณาบนกับ Above the Line เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือเป็นหลัก ข้อจำกัดในการเลือกกลุ่มเป้าหมายก็จะไม่ใช่ปัญหาของคุณ