Break Even Point คืออะไร?
Break Even Point คือ จุดคุ้มทุน ซึ่งเป็นจุดที่เท่าทุนซึ่งเป็นจุดที่ไม่ได้กำไรและไม่เกิดการขาดทุน เนื่องจากจุดคุ้มทุนคือจุดที่รายรับเท่ากับต้นทุน เป็นจุดที่ธุรกิจจะได้กำไรจนคืนทุนพอดี กล่าวคือ หากว่าต้องการที่จะได้กำไรก็ต้องผ่านจุดคุ้มทุน (Break Even Point) ให้ได้ก่อน
ดังนั้น จุดคุ้มทุน (Break Even Point) คือจุดที่รายรับเท่ากับต้นทุน ในขณะที่จุดที่ต่ำกว่าจุดคุ้มทุนก็คือขาดทุน (Loss) และจุดที่มากกว่าจุดคุ้มทุนคือกำไร (Profit) นั่นเอง
จากทั้งหมดที่อธิบายมา จะเห็นว่าประโยชน์ที่สำคัญของ จุดคุ้มทุน หรือ Break Even Point คือทำให้รู้เป้าหมายว่าต้องขายกี่ชิ้น และรู้ว่าควรตั้งราคาเท่าไหร่จึงจะเหมาะสม เพราะการที่จะเริ่มต้นทำกำไรได้นั้นจะต้องผ่านจุดคุ้มทุน (Break Even Point) ให้ได้ก่อน ซึ่งการที่ไม่รู้จุดคุ้มทุนก็ไม่ต่างจากทำไปเรื่อย ๆ โดยไม่สนกำไรขาดทุน
นอกจากนี้ การไม่ให้ความสำคัญกับจุดคุ้มทุนยังอาจทำให้เกิดความผิดพลาดในการตั้งราคา (ในบางกรณีอาจทำให้ตั้งราคาต่ำกว่าต้นทุน) ซึ่งเป็นที่มาของปัญหา “ขายเท่าไหร่ ก็ไม่มีกำไรซักที”
วิธีหาจุดคุ้มทุน (Break Even Point)
ในการหา Break Even Point หรือจุดคุ้มทุน หลัก ๆ จะเกี่ยวข้องกับ 3 ประเด็น ได้แก่
- ต้องขายได้กี่ชิ้นจึงจะคุ้มทุน
- ต้องขายได้ยอดขายกี่บาทจึงจะคุ้มทุน
- ต้องขายชิ้นละกี่บาทจึงจะคุ้มทุน (กำไร 0 บาท)
อย่างไรก็ตามในการที่จะ คำนวณหา Break Even Point หรือ จุดคุ้มทุน จะต้องเข้าใจ 2 สิ่งนี้ก่อน ได้แก่
ต้นทุนคงที่ (Fixed Cost) คือ ต้นทุนที่ไม่ว่าจะผลิตสินค้ากี่ชิ้นต้นทุนโดยรวมของต้นทุนคงที่ก็จะยังเท่าเดิมไม่เปลี่ยนแปลง แต่อย่างไรก็ตาม ต้นทุนคงที่ต่อหน่วยจะลดลงตามจำนวนหน่วยผลิตที่มากขึ้น
เช่น ต้นทุนค่าเช่าที่ดิน สมมติว่าเดือนละ 60,000 บาท ไม่ว่าจะผลิตกี่ชิ้น (หรือไม่ผลิต) ต้นทุนก็ยังเป็น 60,000 บาท อย่างไรก็ตามถ้าผลิตสินค้า 1,000 ชิ้น ต้นทุนคงที่เฉลี่ยของสินค้าจะเท่ากับ 60 บาทต่อชิ้น (60,000 ÷ 1,000) แต่ถ้าเพิ่มจำนวนการผลิตเป็น 10,000 ชิ้น ต้นทุนคงที่เฉลี่ยจะลดลงเหลือชิ้นละ 6 บาทเท่านั้น (60,000 ÷ 10,000)
ต้นทุนผันแปร (Variable Cost) คือ ต้นทุนในการผลิตที่เปลี่ยนแปลง (ผันแปร) ไปตามจำนวนสินค้าที่ผลิต ผลิตมาจ่ายมาก ผลิตน้อยจ่ายน้อย
ตัวอย่างเช่น ผ้าที่ใช้ตัดเสื้อ แบตโทรศัพท์ที่ใช้ประกอบเป็นโทรศัพท์ และปุ่มที่ใช้ประกอบเป็นคีย์บอร์ด เป็นต้น
การหาจุดคุ้มทุนของหน่วยขาย
การหาจุดคุ้มทุนของหน่วยขายเป็นการหาจุดคุ้มทน (Break Even Point) ในกรณีที่อยากรู้ว่าต้องขายกี่ชิ้นถึงจะคุ้มทุน
จำนวนหน่วยขายที่คุ้มทุน = ต้นทุนคงที่ ÷ (ราคาขายต่อหน่วย – ต้นทุนผันแปรต่อหน่วย)
ตัวอย่างเช่น บริษัท A ผลิตของเล่น มีต้นทุนคงที่รวมแล้ว 100,000 บาท โดยของเล่นแต่ละชิ้นจะใช้วัตถุดิบ 3 ชิ้นซึ่งมีราคารวม 100 บาท ซึ่งของเล่นดังกล่าวขายในราคาชิ้นละ 600 บาท
จำนวนหน่วยขายที่คุ้มทุน = 100,000 ÷ (600 – 100)
ดังนั้น บริษัท A ต้องผลิตของเล่นดังกล่าวทั้งหมด 200 ชิ้น บริษัท A ถึงจะคุ้มทุน
การหาจุดคุ้มทุนของยอดขาย
การหาจุดคุ้มทุนของยอดขายเป็นการหาจุดคุ้มทน (Break Even Point) ในกรณีที่อยากรู้ว่าต้องขายให้ได้กี่บาทจึงจะคุ้มทุน
โดยจะสามารถหา จุดคุ้มทุนของยอดขาย ได้ง่าย ๆ ด้วยการนำ จำนวนหน่วยขายที่คุ้มทุน x ราคาขายต่อหน่วย หรือ ขายให้ได้เท่ากับต้นทุนรวมจากการผลิต
ยอดขายที่คุ้มทุน = จำนวนหน่วยขายที่คุ้มทุน x ราคาขายต่อหน่วย
บริษัท A มี จำนวนหน่วยขายที่คุ้มทุน คือ 200 ชิ้น และบริษัท A ขายของเล่นชิ้นละ 600 บาท
- ยอดขายที่คุ้มทุน = 200 x 600
ดังนั้น ยอดขายที่คุ้มทุนของบริษัท A คือ ขายให้ได้ 120,000 บาท
การหาจุดคุ้มทุนของราคาขาย
การหาจุดคุ้มทุนของราคาขายเป็นการหาจุดคุ้มทน (Break Even Point) ในกรณีที่อยากรู้ว่าต้องขายสินค้าชิ้นละกี่บาทจึงจะคุ้มทุน
ราคาที่คุ้มทุน = [(ต้นทุนคงที่ + (ต้นทุนผันแปรต่อหน่วย x จำนวนสินค้า)] ÷ จำนวนสินค้าที่จะขาย
ตัวอย่างเช่น บริษัท B ผลิตเข็มขัด มีต้นทุนคงที่รวมแล้ว 200,000 บาท มีต้นทุนผันแปรต่อหน่วย 300 บาท และบริษัท B ผลิตเข็มขัดออกมาทั้งหมด 10,000 เส้น
- ราคาที่คุ้มทุน = [(200,000 + (300 x 10,000)] ÷ 10,000
ดังนั้น บริษัท B ต้องตั้งราคาของเข็มขัดไว้ที่เส้นละ 320 บริษัทจึงจะขายเข็มขัด 10,000 เส้นโดยไม่ขาดทุน (และไม่ได้กำไร)