GreedisGoods » Marketing » Bundle Pricing คืออะไร? การตั้งราคาแบบ Bundle Pricing ทำอย่างไร

Bundle Pricing คืออะไร? การตั้งราคาแบบ Bundle Pricing ทำอย่างไร

by Kris Piroj
Bundle Pricing คือ การตั้งราคา แบบแพครวม Bundle Price คือ Price Bundling

Bundle Pricing คืออะไร?

Bundle Pricing คือ กลยุทธ์ในการตั้งราคาที่จะตั้งราคาสินค้าด้วยการรวมสินค้าหลายชนิดเอาไว้ด้วยกันในการขายครั้งเดียว หรือการมัดรวมสินค้าชนิดเดียวกันหลายชิ้นแล้วขายสินค้าดังกล่าวในราคาเดียวกัน (Bundle) ซึ่งราคาโดยรวมถูกกว่าการซื้อแยก

ตัวอย่างเช่น ชุดเครื่องสำอาง ชุดบำรุงสุขภาพผิว สบู่ก้อนแบบแพค ไอเทมในเกมที่ขายหลายชิ้นในราคาถูกกว่า คอมพิวเตอร์ที่มาพร้อมจอและอุปกรณ์อื่น คีย์บอร์ดที่มาพร้อมกับเมาส์ การซื้อโทรศัพท์ราคาถูกพ่วงโปรโมชั่นราคาถูก เสื้อผ้าที่ขายทั้งชุด ตลอดจนการขายสินค้าพ่วงบริการหลังการขายในราคาที่ต่ำกว่า เป็นต้น

โดยประโยชน์หลักของกลยุทธ์การตั้งราคาแบบ Bundle Pricing คือการใช้เป็นเครื่องมือกระตุ้นให้ลูกค้าสนใจในสินค้าจากการที่สามารถซื้อสินค้าได้ในราคาถูกลง (สินค้าโดยรวมถูกลง) ในขณะที่สามารถขายสินค้าได้เป็นจำนวนมากจากการที่ขายสินค้าแบบมัดรวมหลายชิ้น

ทั้งนี้ Bundle Pricing เป็นกลยุทธ์การตั้งราคา (Pricing Strategy) ที่พิเศษกว่ากลยุทธ์การตั้งราคา (Pricing Strategy) ส่วนใหญ่ตรงที่ Bundle Pricing เป็นส่วนผสมที่อยู่ระหว่างหลายส่วนประสมทางการตลาด (Marketing 4Ps) ซึ่งในที่นี้คือ Price Promotion และ Product

  • Price (การตั้งราคา) — แน่นอนว่า Bundle Pricing เกี่ยวกับการตั้งราคาอย่างที่ได้อธิบายเอาไว้
  • Promotion (การส่งเสริมการตลาด) — จากการที่ Bundle Pricing คือการส่งเสริมการขายในลักษณะที่คล้ายกันกับการทำ Sales Promotion ด้วยการลด แลก แจก แถม เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าซื้อสินค้าในปริมาณที่มากขึ้น
  • Product (กลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์) — ในส่วนของปริมาณการขายและ Packaging จากการที่เปลี่ยนหน่วยการขายแทนที่จะขายสินค้าเพียงชิ้นเดียว เป็นการมัดรวมเพื่อขายหลายชิ้นหรือหลายประเภทในครั้งเดียว

บางครั้งกลยุทธ์การตั้งราคาแบบ Bundle Pricing อาจถูกกล่าวถึงในชื่อของ Bundle Price หรือ Price Bundling

ข้อได้เปรียบของ Bundle Pricing

ข้อได้เปรียบหลักของ Bundle Pricing คือประโยชน์ในด้านการกระตุ้นการขายได้ในลักษณะเดียวกันกับการลดราคา โดยที่ไม่ต้องลดราคาสินค้ามากนัก ในขณะที่ทำให้สามารถขายสินค้าได้ในจำนวนที่มากกว่าการลดราคาแบบ Sales Promotion อีกทั้งยังทำให้ลูกค้ามองว่าการซื้อสินค้าในลักษณะ Bundle Pricing ถือเป็นความคุ้มค่าเนื่องจากคุ้มค่ามากกว่าการซื้อสินค้าใน Bundle นั้นแยกขิ้น ซึ่งในกรณีเหล่านี้มีประโยชน์อย่างมากสำหรับแบรนด์ที่วางตำแหน่งผลิตภัณฑ์ (Positioning) ในเรื่องความคุ้มค่า

นอกจากนี้ Bundle Pricing ยังสามารถใช้เป็นวิธีระบายสินค้าค้างสต๊อกที่ขายไม่ออก และใช้ในการดึงดูดลูกค้าเข้ามาในร้านร่วมกับ กลยุทธ์ Loss Leader Pricing โดยที่ไม่ต้องลดราคาสินค้าโดยตรง เนื่องจากการลดราคาอาจโดยตรงอาจส่งผลให้ลูกค้ามองคุณค่าของสินค้าบางประเภทลดลง

ข้อควรระวังของ Bundle Pricing

อย่างไรก็ตาม การใช้การตั้งราคาแบบ Bundle Pricing มีข้อจำกัดและข้อควรระวังที่คล้ายกับการทำ Sales Promotion หรือการส่งเสริมการขายด้วยการลด แลก แจก แถม ที่ทำให้กำไรของสินค้าเหล่านั้นลดลงตามราคาขายสินค้าที่ถูกลง แม้ว่าจะมีข้อได้เปรียบที่ดีกว่าด้านภาพลักษณ์ของแบรนด์

นอกจากนั้น ความท้าทายที่สำคัญของการตั้งราคาแบบ Bundle Pricing คือการนำสินค้ามารวมกันเป็น Bundle เพื่อเสนอขายลูกค้าจำเป็นที่แบรนด์จะต้องสำรวจและเฉลี่ยสิ่งที่ลูกค้าต้องการ สิ่งที่ลูกค้าใช้ร่วมกัน และสิ่งที่แบรนด์ต้องการให้ลูกค้าได้ลองใช้ หากสินค้าใน Bundle เหล่านั้นมีแต่สิ่งที่ลูกค้าไม่ต้องการลูกค้าจะไม่สนใจอย่างสิ้นเชิง

ในขณะที่สินค้าที่ลูกค้าต้องการขายอยู่ในรูปแบบ Bundle Price เท่านั้น ก็จะทำให้ลูกค้าไม่สามารถซื้อสินค้านั้นได้และส่งผลให้ลูกค้าหันไปใช้สินค้าแบรนด์อื่นทดแทน ซึ่งนำมาสู่ยอดขายที่ลดลงของแบรนด์ในท้ายที่สุด

กล่าวคือ ความท้าทายของ Bundle Pricing อยู่ที่การปรับแต่ง Bundle และการนำเสนอสินค้าที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้า ซึ่งจำกัดความในการตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า

บทความที่คุณอาจสนใจ

เว็บไซต์ของเราใช้คุกกี้ (Cookies) เพื่อมอบประสบการณ์ใช้งานที่ดียิ่งขึ้น ปรับตั้งค่าปฏิเสธ Cookies ยินยอม ดูรายละเอียด