GreedisGoods » Economics » Comparative Advantage คืออะไร? ความได้เปรียบเชิงเปรียบเทียบเป็นอย่างไร

Comparative Advantage คืออะไร? ความได้เปรียบเชิงเปรียบเทียบเป็นอย่างไร

by Kris Piroj
Comparative Advantage คือ ทฤษฎี ความได้เปรียบเชิงเปรียบเทียบ David Ricardo ความได้เปรียบโดยเปรียบเทียบ

Comparative Advantage คืออะไร?

Comparative Advantage คือ ทฤษฎีความได้เปรียบเชิงเปรียบเทียบในการค้าระหว่างประเทศ ที่เชื่อว่าประเทศควรมุ่งเน้นไปที่การผลิตสินค้าที่มีต้นทุนค่าเสียโอกาสที่ต่ำกว่าประเทศอื่นและส่งออกสินค้าดังกล่าว แล้วนำเข้าสินค้าที่ผลิตแล้วต้นทุนค่าเสียโอกาสสูงกว่า

โดยหลักการของ Comparative Advantage (ความได้เปรียบชิงเปรียบเทียบ) เชื่อว่าตราบใดที่ต้นทุนค่าเสียโอกาสโดยเปรียบเทียบของการผลิตสินค้าแตกต่างกันในแต่ละประเทศ ก็จะมีโอกาสที่จะสามารถได้รับกำไรจากการค้าขายสินค้าเหล่านั้น

ทฤษฎี Comparative Advantage เป็นแนวคิดที่นำเสนอโดย David Ricardo ในปี 1817 ต่อยอดมาจากทฤษฎี Absolute Advantage ของ Adam Smith จากช่องว่างในการที่ประเทศหนึ่งอาจไม่มีความได้เปรียบโดยสมบูรณ์ในการผลิตสินค้าใดเลย (Absolute Disadvantage) ในขณะที่อีกประเทศหนึ่งอาจได้เปรียบโดยสมบูรณ์ในทุกอย่าง

จากปัญหาดังกล่าว David Ricardo จึงได้เสนอให้ประเทศควรมุ่งไปที่การแสวงหาความได้เปรียบเชิงเปรียบเทียบหรือ Comparative Advantage จากการผลิตสินค้าที่มีความเสียเปรียบโดยสมบูรณ์น้อยกว่าแทน ด้วยการเปรียบเทียบต้นทุนค่าเสียโอกาสในการผลิตแทน

กล่าวคือ Comparative Advantage คือการตอบคำถามว่าจะทำอย่างไรถ้าประเทศหนึ่งมีความได้เปรียบใน 2 สิ่ง (จะผลิตสินค้าใดดี?) และจะทำอย่างไรถ้าประเทศไม่ได้เปรียบในสิ่งใดเลย (แล้วจะผลิตอะไร?) ดังนั้นแทนที่จะพิจารณาจากความได้เปรียบโดยสมบูรณ์ David Ricardo ได้เสนอให้พิจารณาจากต้นทุนค่าเสียโอกาสในการผลิตแทน ซึ่งเป็นประโยชน์มากกว่าในโลกความเป็นจริง

โดยที่ต้นทุนค่าเสียโอกาส (Opportunities Costs) เป็นต้นทุนจากการผลิตสิ่งหนึ่งที่แลกมาด้วยการไม่ผลิตอีกสิ่งหนึ่ง

ตัวอย่าง Comparative Advantage

สมมติว่า ทั้งโลกมีอยู่ 2 ประเทศ ได้แก่ ประเทศอังกฤษและสหรัฐอเมริกา ทั้ง 2 ประเทศมีทรัพยากรสำหรับผลิตสินค้า 1,000 หน่วย โดยผลผลิตที่แต่ละประเทศสามารถผลิตได้จากการใช้ทรัพยากรเท่ากันในการผลิตข้าวและผ้าเป็นไปตามตารางด้านล่าง

ตัวอย่าง Comparative Advantage คือ ทฤษฎี ความได้เปรียบเชิงเปรียบเทียบ David Ricardo ความได้เปรียบโดยเปรียบเทียบ
ตารางผลผลิตของ 2 ประเทศจากทรัพยากรการผลิต 1,000 หน่วยเท่ากัน

จากตารางผลผลิตของทั้ง 2 ประเทศจะเห็นว่าถ้าหากพิจารณาตามแนวคิด Absolute Advantage ของ Adam Smith จะพบว่าสหรัฐอเมริกามีความได้เปรียบโดยสมบูรณ์ในการผลิตทั้งข้าวและผ้า ในขณะที่อังกฤษเสียเปรียบโดยสมบูรณ์ในการผลิตสินค้าทั้ง 2 ชนิด (เรียกว่า Absolute Disadvantage)

แต่เมื่อเปรียบเทียบต้นทุนค่าเสียโอกาสในการผลิตตามแนวคิด Comparative Advantage ของ David Ricardo จะพบว่าประเทศอังกฤษสามารถผลิตข้าวได้มีประสิทธิภาพกว่าผลิตผ้า เนื่องจากต้นทุนค่าเสียโอกาสในการผลิตข้าวต่ำกว่าที่ใช้ผลิตผ้า

จากทรัพยากรเท่ากันประสิทธิภาพของการผลิตสินค้าทั้ง 2 ประเภทของอังกฤษ เป็นดังนี้:

  • ผลิตผ้าได้มีประสิทธิภาพเพียง 40% ของสหรัฐฯ (อังกฤษผลิตได้ 2 ม้วน เทียบกับ สหรัฐฯ ผลิตได้ 5 ม้วน)
  • ผลิตข้าวได้มีประสิทธิภาพเพียง 80% ของสหรัฐฯ (อังกฤษผลิตได้ 4 ตัน เทียบกับ สหรัฐฯ ผลิตได้ 5 ตัน)

เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ดังกล่าวตามแนวคิด Comparative Advantage ประเทศอังกฤษมีความได้เปรียบเชิงเปรียบเทียบในการผลิตข้าวมากกว่าผ้า ดังนั้นประเทศอังกฤษควรนำทรัพยากรไปผลิตข้าว และนำเข้าผ้าจากสหรัฐอเมริกาแทนการผลิตผ้าเอง

ข้อมูลอ้างอิงจาก: Feriors

บทความที่เกี่ยวข้อง

เว็บไซต์ของเราใช้คุกกี้ (Cookies) เพื่อมอบประสบการณ์ใช้งานที่ดียิ่งขึ้น ปรับตั้งค่าปฏิเสธ Cookies ยินยอม ดูรายละเอียด