Complementary Goods คืออะไร?
Complementary Goods คือ สินค้าประกอบกัน หมายถึงสินค้าที่ต้องใช้ประกอบกันหรือสินค้าที่ต้องใช้ร่วมกันระหว่างสินค้า 2 ชนิดขึ้นไป ทำให้ถ้าหากผู้บริโภคซื้อสินค้าชนิดหนึ่งผู้บริโภคก็จำเป็นที่จะต้องซื้อสินค้าอีกประเภทเพื่อใช้ประกอบกันด้วย
ความสัมพันธ์ระหว่างสินค้าที่ต้องใช้ร่วมกันตามลักษณะของ Complementary Goods จะมีความสัมพันธ์ที่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เนื่องจาก การใช้สินค้า A ก็จะส่งผลให้ต้องใช้สินค้า B ร่วมกันอย่างยากที่จะหลีกเลี่ยง
โดยความสัมพันธ์ระหว่างสินค้าประกอบกัน (Complementary Goods) สามารถสรุปได้ ดังนี้
- เมื่อความต้องการ (Demand) สินค้า A เพิ่มขึ้น ความต้องการสินค้า B ก็จะเพิ่มขึ้นตาม
- เมื่อความต้องการ (Demand) สินค้า A ลดลง ความต้องการสินค้า B ก็จะลดลงตาม
ตัวอย่างของ Complementary Goods ที่เห็นได้บ่อยได้ชีวิตประจำวัน ได้แก่ กาแฟกับน้ำตาล รถยนต์กับน้ำมัน เครื่องปริ้นกับหมึก เกมคอนโซลกับเครื่องเล่นเกมคอนโซล และกล้องฟิล์มกับฟิล์ม เป็นต้น
นอกจากนี้ สินค้าประกอบกัน (Complementary Goods) มักจะไม่สามารถใช้สินค้าทดแทนกันได้ (หรือใช้ทดแทนได้ก็จะอยู่ในระดับที่สามารถทดแทนได้ยาก) อย่างเช่น เครื่องปริ้นที่ต้องใช้กับหมึกที่ตรงรุ่นเท่านั้น แม้ว่าบางคนอาจจะรู้จักสิ่งที่เป็นหมึกเทียบ (หมึกปลอม) ที่นำไปสู่ปัญหาของหัวพิมพ์ ตลอดจนการขาดประกันเป็นของแถม
ราคากับ Demand ของ Complementary Goods
ความสัมพันธ์ระหว่างราคา (Price) ของสินค้าชนิดหนึ่งจะเป็นไปในทิศทางตรงข้ามกับปริมาณความต้องการซื้อ (Demand) ของสินค้าที่ต้องใช้ร่วมกัน
เพราะว่าราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้นจะทำให้ความต้องการสินค้า (Demand) นั้น ๆ ลดลงตาม กฎของอุปสงค์ (Law of Demand) และเมื่อระดับความต้องการสินค้าลดลง ก็จะส่งผลไปถึงความต้องการของสินค้าที่ต้องใช้ร่วมกันจน Demand ลดลงตามไปด้วยนั่นเอง
โดยกราฟด้านล่างจะแสดง ความสัมพันธ์ระหว่างราคา (Price) ของสินค้าชนิดหนึ่ง ที่จะเป็นไปในทิศทางตรงข้ามกับปริมาณความต้องการซื้อ (Demand) ของสินค้าที่ต้องใช้ร่วมกัน ในที่นี้คือกาแฟกับน้ำตาล

จากกราฟจะเห็นว่า เมื่อราคากาแฟเพิ่มขึ้นจากจุด P2 ไปเป็นจุด P1 จนทำให้ความต้องการกาแฟลดลงตามกลไก Law of Demand ก็จะทำให้ความต้องการซื้อน้ำตาลของผู้บริโภคลดลงด้วยจากจุด Q2 เหลือจุด Q1 (ตามการซื้อกาแฟที่ลดลง)
กล่าวคือ ถ้าหากราคากาแฟเพิ่มขึ้นซึ่งจะทำให้กาแฟขายได้น้อยลง เมื่อกาแฟขายได้น้อยลง น้ำตาลที่เป็นสินค้าที่ต้องใช้ร่วมกันหรือที่เราเรียกว่าสินค้าประกอบกัน (Complementary Goods) ก็จะขายได้น้อยลงตามไปด้วย