Divestment Strategy คือ กลยุทธ์หยุดลงทุน เป็นกลยุทธ์ที่หยุดการลงทุนชั่วคราว หรือลดการลงทุนในส่วนที่ไม่ทำกำไรให้กับบริษัทอีกต่อไป เพื่อนำทรัพยากรอย่างเงินทุนและแรงงานไปใช้กับธุรกิจในส่วนที่ยังสามารถทำกำไรให้บริษัทได้แทน
โดย Divestment Strategy เป็นกลยุทธ์ในลักษณะ Retrenchment Strategy หรือกลยุทธ์การหดตัวตามหลักการจัดการเชิงกลยุทธ์ที่ใช้เมื่อบริษัทกำลังประสบปัญหาบางอย่าง ทำให้ต้องใช้กลยุทธ์ในลักษณะนี้พยุงบริษัทเอาไว้ชั่วคราวจนกว่าบริษัทจะกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง
สำหรับสาเหตุที่ธุรกิจจะเลือกใช้กลยุทธ์ Divestment Strategy หรือ Divestiture Strategy มีสาเหตุมาจาก:
- เศรษฐกิจกำลังอยู่ในภาวะตกต่ำ (Recession)
- กิจการขยายเร็วเกินไป จนเกิดปัญหาในการบริหารจัดการ
- บริษัทไม่สามารถทำกำไรได้ทั้งที่ควรจะทำกำไรได้
- บริษัทมีปัญหาด้านต้นทุน
บางครั้งอาจเห็น Divestment Strategy ถูกเรียกว่า Divestiture Strategy ทั้ง 2 คำมีความหมายที่เหมือนกัน
Divestment Strategy ทำอย่างไร
สำหรับกลยุทธ์ Divestment Strategy ไม่ได้จำกัดว่าจะต้องเลิกทำในส่วนนั้นทันที แต่สามารถทำได้ด้วย 2 วิธี คือ
- หยุดลงทุนชั่วคราว
- ลดการลงทุนชั่วคราว
อย่างไรก็ตาม Divestment Strategy จะไม่ได้เป็นการหยุดลงทุนหรือลดการลงทุนเฉย ๆ แล้วปัญหาทุกอย่างจบลงเสมอไป แต่จะเป็นการหยุดเพื่อทำให้บริษัทอยู่รอดจากการนำทรัพยากรที่มีอยู่ไปใช้กับส่วนที่ยังทำกำไร และในระหว่างนี้บริษัทก็จะต้องหาสาเหตุให้ได้ว่าบริษัทกำลังเผชิญกับปัญหาอะไรอยู่ เพื่อหาทางแก้ปัญหาต่อไป
และเมื่อบริษัทสามารถสรุปผลได้แล้วหรือหาทางออกได้แล้ว ก็จะนำไปสู่ 2 กรณี คือ กรณีที่สามารถแก้ปัญหาได้ และในกรณีที่ไม่สามารถแก้ปัญหาได้
ในกรณีที่สามารถแก้ปัญหาดังกล่าวได้ แล้วกลับมาเติบโตได้เหมือนเดิมด้วยกลยุทธ์ในลักษณะของ Growth Strategy หรือ Stability Strategy
ในกรณีที่ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ จะนำไปสู่การเลิกลงทุนในส่วนที่เป็นปัญหาในลักษณะของ Turnaround Strategy
สรุป Divestment Strategy ก็คือกลยุทธ์การหยุดลงทุน แต่อาจจะเป็นการหยุดลงทุนแบบถาวรหรือหยุดชั่วคราวก็ได้ ซึ่งการหยุดลงทุนมีเป้าหมายในการนำทรัพยากรที่มีอยู่ไปทำอย่างอื่น โดยจะขึ้นอยู่กับว่ากำลังมีปัญหาอะไร และถ้าหากไม่สามารถแก้ปัญหาได้จริง ๆ ก็จะนำไปสู่การเลิกลงทุนอย่างถาวรในส่วนนั้น
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับกลยุทธ์ Retrenchment รูปแบบอื่นได้ที่บทความ Retrenchment Strategy คืออะไร?