EBITDA คืออะไร?
EBITDA คือ กำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA ย่อมาจาก Earnings Before Interest Tax Depreciation and Amortization) ซึ่งเป็นกำไรจากการดำเนินงานของบริษัทในส่วนที่เป็นเงินสดของบริษัท
ซึ่ง EBITDA เป็น EBIT ที่เพิ่มค่าเสื่อมราคา (Depreciation) และค่าใช้จ่ายตัดจ่าย (Amortization) ที่เป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่ได้เกิดขึ้นจริงในปัจจุบันเข้ามา (จ่ายไปแล้วตอนซื้อแต่ตัวเลขที่แสดงเป็นเพียงตัวเลขทางบัญชี)
โดย EBITDA เป็นกำไรลำดับที่ 3 ถัดจาก Gross Profit และ EBIT ทำให้การคำนวณหา EBITDA สามารถคำนวณได้จากการนำ EBIT + ค่าเสื่อมราคา (Depreciation) + ค่าตัดจำหน่าย (Amortization)
หรือคำนวณจากสมการดังนี้: EBITDA = Net Income + Interest + Taxes + Depreciation + Amortization
โดยที่แต่ละตัวแปรมาจากงบการเงิน (Income Statement) ของบริษัทตรงตัวตามชื่อเต็มของ EBITDA มีความหมาย ดังนี้:
- Net Income = กำไรสุทธิ
- Interest = ดอกเบี้ย
- Taxes = ภาษี
- Depreciation = ค่าเสื่อมราคา
- Amortization = ค่าตัดจำหน่าย
ดังนั้น ความแตกต่างระหว่าง EBITDA และ EBIT ก็คือการที่มีค่าเสื่อมราคา (Depreciation) และค่าใช้จ่ายตัดจ่าย (Amortization) เพิ่มเข้ามานั่นเอง
EBITDA และ EBIT
อย่างที่บอกว่า EBITDA คือกำไรลำดับที่ 3 ถัดจาก Gross Profit และ EBIT ดังนั้นเราจะเริ่มต้นที่ Gross Profit หรือกำไรขั้นต้น ซึ่งเป็นกำไรที่คิดมาจาก “ยอดขาย – ต้นทุนขาย”
กำไรขั้นต้น (Gross Profit) จะเป็นกำไรขั้นแรกที่ทำให้เห็นว่ายอดขายหลังหักต้นทุนขายแล้วได้กำไรเท่าไหร่ อย่างเช่น ซื้อสินค้ามา 2,000 บาท ถ้าขายได้ 2,500 บาท จะคิดเป็นกำไรขั้นต้น 500 บาท
แต่อย่างไรก็ตามว่าต้นทุนของธุรกิจไม่ได้มีเพียงเท่านี้ แต่ยังมีส่วนของค่าใช้จ่ายในการขายและบริการ (Selling and Administrative) อยู่ด้วยเช่นกัน ดังนั้นกำไรขั้นต้น (Gross Profit) จึงยังไม่ใช่ตัวเลขที่บอกผลกำไรทุกอย่างของกิจการ
เพื่อแสดงกำไรที่แท้จริง EBIT จึงเป็นกำไรในส่วนต่อไปที่หักต้นทุนค่าใช้จ่ายในการขายและบริการ (Selling and Administrative) ออกแล้ว ซึ่งแสดง “กำไรจากการดำเนินงาน” ของกิจการ
โดยคำนวณมาจาก: กำไรจากการดำเนินงาน (EBIT) = กำไรขั้นต้น – ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร
EBITDA บอกอะไร?
อย่างไรก้ตาม แม้ว่า EBIT จะบอกกำไรจากการดำเนินงาน ซึ่งดูเหมือนกำไรที่แท้จริงแล้ว แต่ก็ยังไม่ใช่เพราะ EBIT ยังเป็นกำไรที่หักค่าเสื่อมราคา (Depreciation) และค่าใช้จ่ายตัดจ่าย (Amortization) ที่ไม่ใช่ค่าใช้จ่ายที่เสียเงินจริง ๆ ทำให้มีสิ่งที่เรียกว่า EBITDA หรือกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าใช้จ่ายตัดจำหน่าย
โดยกำไร EBITDA จะช่วยสะท้อนให้เห็นกำไรจากการดำเนินงานที่เป็นตัวเงินทั้งหมดที่บริษัทได้รับจริง เพราะค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายเป็นเพียงภาระทางบัญชี ซึ่งในความเป็นจริงค่าใช้จ่ายดังกล่าวบริษัทได้จ่ายเงินซื้อไปตั้งแต่ต้นแล้ว
หรือพูดให้เข้าใจง่ายกว่านั้น EBITDA คือ สิ่งที่ทำให้เห็นตัวเลขกำไรที่เป็นเงินที่แท้จริง เพราะในบางกรณีถ้าหักค่าเสื่อมราคาและค่าใช้จ่ายตัดจ่ายแล้ว อาจจะกลายเป็นขาดทุนทั้ง ๆ ที่บริษัทได้กำไรก็ได้
ดังนั้น ถึงแม้ว่ากำไรสุทธิ (Net Profit) ของบริษัทจะเป็นลบ แต่ EBITDA เป็นบวก ก็อาจพูดได้ว่ากิจการยังสามารถทำกำไรได้อยู่
สำหรับนักลงทุนที่สนใจค่า EBITDA หุ้นที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ สามารถดูข้อมูล EBITDA ได้จากหน้าข้อมูลของหุ้นนั้นได้ที่ Website ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย