ERG คือ ทฤษฎีความต้องการของมนุษย์ ที่จะแบ่งรูปแบบความต้องการของมนุษย์ออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ Existence Needs, Relatedness Needs, และ Growth Needs ซึ่งที่มาของชื่อทฤษฎี ERG ก็คือการตั้งตามชื่อย่อของแต่ละความต้องการ
ทฤษฎี ERG คือ ทฤษฎีความต้องการที่พัฒนาต่อยอดมาจากมาจาก Maslow’s Hierarchy of Needs โดย Clayton P. Alderfer จากมหาวิทยาลัย Yale เมื่อปี 1969 โดยการจัดกลุ่มความต้องการใหม่จากเดิมที่มี 5 ขั้นให้เหลือเพียง 3 ขั้น ซึ่งแต่ละขั้นจะมีความหมายดังนี้:
- Existence Needs คือ ความต้องการดำรงชีวิต
- Relatedness Needs คือ ความต้องการความสัมพันธ์
- Growth Needs คือ ความต้องการเติบโตก้าวหน้า
แนวคิดของ ทฤษฎี ERG Model เชื่อว่าในกรณีปกติความต้องการจะเกิดขึ้นตามลำดับ (ลำดับตามลูกศรสีดำ) เมื่อความต้องการที่มีระดับต่ำกว่าได้รับการตอบสนองในระดับหนึ่งแล้วความสำคัญของความต้องการส่วนนั้นจะลดลง และบุคคลจะหันไปให้ความสำคัญกับความต้องการะดับที่สูงกว่าแทน ซึ่งแนวคิดในส่วนนี้จะเป็นสิ่งที่ ERG Theory เหมือนกับแนวคิดของ Maslow
แต่ในขณะเดียวกัน Alderfer ก็เชื่อว่าในบางกรณีความต้องการอาจเกิดขึ้นแบบไม่ต้องมีลำดับขึ้นก็ได้ อย่างเช่นกรณีที่ความต้องการระดับสูงกว่าไม่ได้รับการตอบสนองมากพอจนทำให้บุคคลกลับไปให้ความสำคัญกับความต้องการระดับต่ำกว่าแทน
ลำดับขั้นความต้องการตามแนวคิด ERG อาจเกิดขึ้นตามลำดับหรือเกิดขึ้นในทิศทางตรงกันข้ามก็ได้

Existence Needs
Existence Needs คือ ความต้องการที่เกี่ยวกับการเอาตัวรอดและดำรงชีวิต อย่างเช่น น้ำ อาหาร ยา เสื้อผ้า ที่อยู่อาศัย ความปลอดภัยในการใช้ชีวิต ความปลอดภัยของทรัพย์สิน สุขภาพ ประกัน ความปลอดภัยในการทำงาน เป็นต้น
ถ้าหากเทียบขั้น Existence Needs กับพีระมิดความต้องการของ Maslow ในส่วนนี้ก็คือ Physiological Needs และ Safety Needs (2 ชั้นล่างสุด)
Relatedness Needs
Relatedness Needs คือ ความต้องการมีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่น ตัวอย่างเช่น ความรัก เพื่อน เพื่อนรวมงาน การมีสังคม การได้รับการยอมรับจากคนรอบตัว ได้รับการยกย่อง ความเคารพนับถือจากคนรอบตัว ความปลอดภัย รวมถึงความสำเร็จที่นำไปสู่การให้ความเคารพตัวเอง
ในส่วนของ Relatedness Needs จะเทียบได้กับขั้น Love and Belonging Needs และ Esteem Needs ในส่วนของ Social Esteem ของทฤษฎีความต้องการตามแนวคิดมาสโลว์
Growth Needs
Growth Needs คือ ความต้องการเกี่ยวกับการเติบโตหรือก้าวหน้าทั้งในหน้าที่การงานและความเคารพนับถือ โดย Growth Needs จะเป็นความต้องการสูงสุดของทฤษฎี ERG ซึ่งการบรรลุความต้องการขั้นนี้ก็จะเกิดจากการใช้ความรู้ความสามารถของแต่ละคน
Growth Needs จะเทียบได้กับขั้น Esteem Needs (ส่วน Self Esteem Needs) และ Self Actualization Needs ของทฤษฎีความต้องการตามแนวคิดมาสโลว์เพราะ Esteem คือเรื่องที่ได้รับจากทั้งความสัมพันธ์จากคนรอบข้างและจากตัวเอง ทำให้ในขั้น Self Esteem ของ Maslow จัดอยู่ทั้งในกลุ่มของ Ralatedness Needs กับ Growth Needs ของ ERG Theory
เปรียบเทียบระดับขั้นของความต้องการระหว่างทฤษฎี ERG ของ Alderfer กับ Maslow

ทฤษฎี ERG ต่างจาก Maslow อย่างไร?
ถึงแม้ว่าแนวคิดบางส่วนของ Alderfer ในทฤษฎี ERG จะเหมือนกับทฤษฎีความต้องการของ Maslow แต่ส่วนที่ต่างของทฤษฎี ERG คือ เชื่อว่าในบางสถานการณ์บุคคลอาจกลับมาต้องการบางสิ่งที่มีระดับต่ำกว่าเดิมได้ (เหมือนกับลูกศรสีขาวในภาพที่ 1)
หรือพูดให้ง่ายกว่านั้นก็คือ ความต้องการอาจเกิดขึ้นได้แบบไม่ต้องมีลำดับขึ้น ซึ่งในส่วนนี้จะเป็นสิ่งที่ทฤษฎี ERG ของ Alderfer มีความแตกต่างในทิศทางตรงข้ามกับ Maslow และทำให้ ERG คือ ทฤษฎีความต้องการที่ได้รับการยอมรับว่าใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากกว่า
ตัวอย่างเช่น นางสาว A ไม่ได้ใส่ใจในเรื่องความสัมพันธ์อื่นนอกจากงาน เพราะมุ่งเน้นไปกับการพัฒนาตัวเองเพื่อความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน (Growth) ซึ่งจะทำให้นางสาว A มีเงินและความมั่นคงในชีวิต (Existence)
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับทฤษฎีความต้องการของมาสโลว์แบบละเอียดได้ที่บทความ ทฤษฎีมาสโลว์ คืออะไร