GreedisGoods » Economics » Fed Fund Rate คืออะไร? ดอกเบี้ยนโยบาย Fed Rate มีไว้ทำไม

Fed Fund Rate คืออะไร? ดอกเบี้ยนโยบาย Fed Rate มีไว้ทำไม

by Kris Piroj
Federal Fund Rate คือ อัตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐ Federal Fund Rate FOMC ดอกเบี้ย สหรัฐ อเมริกา

Fed Fund Rate คืออะไร?

Fed Fund Rate คือ อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Policy Rate) ของประเทศสหรัฐอเมริกา ควบคุมโดยคณะกรรมการ FOMC หรือ Federal Open Market Committee โดยอัตราดอกเบี้ย Fed Fund Rate มีหน้าที่เป็นดอกเบี้ยของการกู้เงินข้ามคืนระหว่างธนาคารพาณิชย์ ซึ่งทำหน้าที่เป็นเหมือนอัตราดอกเบี้ยขั้นต่ำของระบบเศรษฐกิจสหรัฐฯ

Fed Fund Rate เป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ทำงานเหมือนกับดอกเบี้ยนโยบายของประเทศอื่นๆ ซึ่งธนาคารกลางของสหรัฐเรียกว่า Federal Reserve หรือ Fed จึงทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐอเมริกา ถูกเรียกว่า Fed Rate

คณะกรรมการ FOMC คือ ผู้กำหนดกรอบเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ หรือ Fed Fund Rate ผ่านการประชุม Federal Open Market Committee (FOMC) หรือ การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของสหรัฐฯ ซึ่งจะมีการจัดการประชุมปีละ 8 ครั้ง โดยมีการแจ้งวันที่ประชุมล่วงหน้า 1 ปี

ในเชิงนโยบาย Fed Fund Rate เป็นเครื่องมือของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Federal Reserve) ที่ใช้ในการรักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจ ผ่านการควบคุมปริมาณเงินในระบบด้วยการกระตุ้นให้เกิดการลงทุน (ผ่านการลดดอกเบี้ย) หรือชะลอการใช้จ่ายในระบบเศรษฐกิจ (ผ่านการขึ้นดอกเบี้ย)

ในขณะที่ผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจจริง (Real Sector) จากอัตราดอกเบี้ย Fed Fund Rate จะส่งผลกระทบต่อต้นทุนการกู้ยืมของผู้บริโภคและภาคธุรกิจ เนื่องจาก Fed Funds Rate ดอกเบี้ยขั้นต่ำที่ถูกนำไปใช้อ้างอิงในทุกอัตราดอกเบี้ยไม่ว่าจะเป็นดอกเบี้ยเงินฝาก ดอกเบี้ยเงินกู้ ดอกเบี้ยบัตรเครดิต และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาล

Fed Fund Rate ทำงานอย่างไร

Fed Fund Rate คืออัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา ดังนั้น กลไกของ Fed Fund Rate จึงไม่ได้ต่างจากอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Policy Rate) ของประเทศอื่น ๆ ในการถูกใช้เป็นเครื่องมือใช้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่กำลังซบเซา และใช้ชะลอเศรษฐกิจที่โตเร็วเกินไป โดยการใช้อัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นเครื่องมือจัดการเศรษฐกิจสามารถทำได้ ดังนี้

  1. การปรับเพิ่มดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อชะลดความเร็วของเศรษฐกิจ
  2. การลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
  3. การคงอัตราดอกเบี้นนโยบาย ในขณะที่เศรษฐกิจไม่ต้องการการขึ้นหรือลดดอกเบี้ยนโยบาย
Fed Fund Rate คือ อัตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐ Federal Fund Rate FFR ดอกเบี้ย Fed Rate
กรอบบนของ Fed Fund Rate หรือ อัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2009 จนถึงปัจจุบัน

ในการประชุมคณะกรรมการ FOMC ของ Fed ที่จัดขึ้นปีละ 8 ครั้ง คณะกรรมการนโยบายการเงินของสหรัฐฯ (Federal Open Market Committee) จะพิจารณามุมมองต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในขณะนั้นเพื่อตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ย ลดดอกเบี้ย หรือคงดอกเบี้ย ให้เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจปัจจุบันของสหรัฐฯ

การขึ้นดอกเบี้ย Fed Fund Rate คือ เครื่องมือในการชะลอการเติบโตของเศรษฐกิจ เมื่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ เติบโตอย่างรวดเร็วเกินไป จะส่งผลให้มีแนวโน้มที่ธุรกิจและประชาชนต่างกู้เงินเพื่อนำมาลงทุนเพราะเชื่อว่าผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับยังไงก็สูงกว่าดอกเบี้ยที่ต้องจ่าย เพื่อไม่ให้เงินเฟ้อ (Inflation) สูงเกินไป Fed ก็จะลดดอกเบี้ยเพื่อชะลอความร้อนแรงของการลงทุนในระบบเศษฐกิจ

การลดดอกเบี้ย Fed Fund Rate คือ เครื่องมือในการกระตุ้นการลงทุนในระบบเศรษฐกิจ เมื่อเศรษฐกิจอยู่ในภาวะซบเซาที่ทุกคนต่างไม่อยากลงทุนหรือไม่อยากจับจ่ายใช้สอย การที่ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะช่วยให้ต้นทุนในการกู้ยืมลดลงตาม ช่วยให้ประชาชนกล้ากู้ยืมเงินไปลงทุนในธุรกิจมากขึ้นซึ่งการจ้างงานก็จะเกิดขึ้นตามมาเมื่อมีการขยับขยายธุรกิจ

จะเห็นว่าความสำคัญของ Fed Fund Rate เป็นสิ่งที่ใช้ในการสะท้อนมุมมองของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ต่อนโยบายการเงินของสหรัฐฯ และต่อสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันและในอนาคตว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะดำเนินนโยบายการเงินในทิศทางไหน จะกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการเพิ่มปริมาณเงินในระบบ หรือจะลดปริมาณเงินในระบบเพื่อชะลอเศรษฐกิจที่กำลังร้อนแรง จึงเป็นเหตุผลว่าทำไม Fed Fund Rate มีการเปลี่ยนแปลงมักจะนำไปสู่การเคลื่อนย้ายเงินลงทุนของนักลงทุน

ดอกเบี้ยนโยบายของ Fed ทำงานอย่างไร

หากประเทศสหรัฐอเมริกาเศรษฐกิจโตเร็วมาก (ในระดับที่มากเกินไป) ทำให้ใคร ๆ ต่างก็กู้เงินมาทำธุรกิจหรือขยายธุรกิจ เพราะเชื่อว่าผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับยังไงก็สูงกว่าดอกเบี้ยที่ต้องจ่าย (เพราะดอกเบี้ยถูก) อีกทั้งยังทำให้ระดับราคาสินค้าเพิ่มขึ้นตามปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจ สิ่งที่จะเกิดขึ้นเมื่อธนาคารกลางสหรัฐฯ ขึ้นดอกเบี้ย มีดังนี้

  1. Fed ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
  2. ต้นทุนในการกู้ยืมของธนาคารเพิ่มขึ้น
  3. ธนาคารต้องหาเงินมาทดแทนในส่วนที่ต้นทุนเพิ่มขึ้น
  4. ธนาคารจึงขึ้นดอกเบี้ย (ด้วยเหตุผลในข้อ 3)
  5. ต้นทุนในการกู้ยืมของภาคธุรกิจและภาคครัวเรือนสูงขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนในการดำเนินธุรกิจสูงขึ้น ในขณะที่ดอกเบี้ยของคนทั่วไปก็สูงขึ้นเช่นกัน
  6. ธุรกิจกู้ธนาคารน้อยลง ในขณะที่ภาคประชาชนกู้เงินเพื่อการบริโภคลดลง
  7. จากข้อ 6 จะทำให้ความต้องการใช้เงินลดลง (การใช้จ่ายลดลง)
  8. เมื่อการใช้จ่ายลดลง การผลิตและการขยายกิจการที่กำลังร้อนแรงก็จะลดลงตาม (รวมถึงการขยายธุรกิจ ที่ต้องพึ่งการกู้เงินก็จะลดลง) ระดับราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วตามกำลังซื้อก็จะชะลอตัวลง

ในทางกลับกัน สำหรับกรณีของการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจก็จะเป็นกรณีที่ตรงข้ามกับด้านบน เมื่ออัตราดอกเบี้ยนโยบายลดลงต้นทุนในการกู้ยืมก็จะต่ำลงและส่งผลให้นักลงทุนกล้ากู้ยืมเงินเพื่อขยายธุรกิจมากขึ้น ซึ่งนำไปสู่การจ้างงานตามมา ที่ทำให้รายได้ของภาคครัวเรือนเพิ่มขึ้นและทำให้เกิดการจับจ่ายใช้สอย โดยท้ายที่สุดก็จะทำให้ปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนเพิ่มมากขึ้น

โดยการปรับลดหรือปรับขึ้นดอกเบี้ยของ Fed จะประกาศออกมาจากการประชุมของ Fed ทุก ๆ ไตรมาส (ประชุมเดือน 3 6 9 และ 12) หรือว Fed สามารถปรับอัตราดอกเบี้ยได้สูงสุดปีละ 4 ครั้งนั่นเอง

กำหนดการประชุมของคณะกรรมการ FOMC ในการกำหนด Federal Fund Rate ทั้ง 8 ครั้งของทุกปีสามารถติดตามได้จากเว็บไซต์ธนาคารกลางสหรัฐ federalreserve.gov

บทความที่คุณอาจสนใจ

เว็บไซต์ของเราใช้คุกกี้ (Cookies) เพื่อมอบประสบการณ์ใช้งานที่ดียิ่งขึ้น ปรับตั้งค่าปฏิเสธ Cookies ยินยอม ดูรายละเอียด