Grand Strategy Matrix คืออะไร?
Grand Strategy Matrix คือ กราฟเปรียบเทียบระหว่าง 2 ปัจจัย ได้แก่ อัตราการเติบโตของตลาด กับ ความสามารถในการแข่งขันขององค์กร ประโยชน์ของ Grand Strategy Matrix หรือ Grand Matrix คือใช้เป็นเครื่องมือในการเลือกใช้กลยุทธ์ระดับองค์กรที่เหมาะสมกับองค์กร
โดย Grand Strategy Matrix จะแบ่งออกเป็น 4 กรณี ตามกราฟ Grand Strategy Matrix ด้านล่าง

การเลือกกลยุทธ์จาก Grand Strategy Matrix
Quarter 1 คือ กรณีที่ตลาดมีอัตราการเติบโตที่สูง ในขณะที่ความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจก็สูง (ดีทั้ง 2 ด้าน)
กลยุทธ์ที่จะใช้ในกรณีนี้จะเป็น กลยุทธ์การเติบโต (Growth Strategy) ที่เหมาะกับสภาพของแต่ละองค์กร ซึ่งกลยุทธ์การเติบโตจะประกอบด้วย
Market Penetration การเติบโตด้วยการเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดภายในตลาดเดิม เช่น การทำให้ลูกค้าใช้สินค้ามากขึ้น
Product Development การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ แต่ยังขายอยู่ในตลาดเดิม
Market Development การขยายตลาดด้วยสินค้าเดิม
Diversification การขยายสู่ธุรกิจใหม่ในตลาดใหม่ แบ่งออกเป็น 2 แบบได้แก่ Concentric Diversification ที่จะขยายเข้าไปในธุรกิจที่เกี่ยวข้อง และ Conglomerate Diversification ที่จะขยายไปสู่ธุรกิจที่ไม่เกี่ยวกับธุรกิจเดิม
Horizontal Growth การเติบโตด้วยการขยายไปสู่ธุรกิจที่เกี่ยวข้องด้วยการ Merger Acquisition หรือ Take Over
Vertical Growth การเติบโตด้วยการขยายไปสู่ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการของธุรกิจเดิม
Quarter 2 คือ กรณีที่ตลาดมีอัตราการเติบโตที่สูง ในขณะที่ความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจต่ำ
สำหรับกรณีนี้จะใช้ได้ทั้ง กลยุทธ์ในการเติบโต (Growth Strategy) และกลยุทธ์แบบหดตัว (Retrenchment) ขึ้นอยู่กับสภาพภายในของบริษัท
ใช้ได้ทั้งกลยุทธ์ใน Quarter 1 และ Quarter 3
Quarter 3 คือ กรณีที่ตลาดมีอัตราการเติบโตที่ต่ำ ในขณะที่ความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจก็ต่ำ (แย่ทั้ง 2 ด้าน)
กลยุทธ์ที่จะใช้กับสถานะการณ์นี้จะเป็น กลยุทธ์แบบหดตัว (Retrenchment) ได้แก่
- Turnaround Strategy การลดขนาดองค์กรเพื่อปรับโครงสร้างองค์กรใหม่
- Divestment Strategy การลดการลงทุนในสิ่งที่ไม่ทำกำไร (หรือเลิกลงทุน)
- Bankruptcy หรือ Liquidation Strategy การเลิกกิจการ อาจจะเลิกทั้งกิจการ หรือเลิกแค่ในส่วนที่ไม่ทำกำไร
Quarter 4 คือ กรณีที่ตลาดมีอัตราการเติบโตที่ต่ำ ความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจสูง
เป็นกรณีที่บริษัทมีความสามารถสูงแต่สภาพของตลาดไม่ดีเท่าไหร่ กลยุทธ์ที่ใช้ได้ดีกับกรณีนี้จะมีทั้งหมด 4 กลยุทธ์ประกอบด้วย
- Joint Venture การร่วมทุนกับอีกบริษัท เพื่อจัดตั้งกิจการร่วมค้า
- Concentric Diversification พัฒนาสินค้าใหม่เพื่อขยายเข้าไปในธุรกิจที่เกี่ยวข้อง
- Conglomerate Diversification พัฒนาสินค้าใหม่ขยายไปสู่ธุรกิจที่ไม่เกี่ยวกับธุรกิจเดิม
- Horizontal Growth การเติบโตด้วยการขยายไปสู่ธุรกิจที่เกี่ยวข้องด้วยการ Merger Acquisition หรือ Take Over
จะเห็นว่าทั้งหมดเป็นกลยุทธ์ในการขยายการลงทุน แต่จะไม่ลงทุนเต็มตัว เพราะมีความเสี่ยงที่จะขาดทุน เนื่องจากตลาดอยู่ในสภาพซบเซา