Impatriate (Impat) คืออะไร?
Impatriate หรือ Impat คือ นโยบายกำลังคนในการบริหารบรรษัทข้ามชาติ โดยจะเป็นการส่งผู้บริหารระดับสูงจากบริษัทลูกในสาขาต่างประเทศ (Host Country) เข้ามาบริหารบริษัทแม่ในประเทศแม่ (Home Country) เพื่อใช้ประโยชน์ในการถ่ายทอดวิธีดำเนินงานในเชิงลึก
โดยการใช้ Impatriate หรือ Impat อาจเป็นได้ทั้งการส่งผู้บริหารระดับสูงจากบริษัทลูกในสาขาต่างประเทศเข้ามาบริหารบริษัทแม่ในระยะยาว และการส่งส่งผู้บริหารระดับสูงจากบริษัทลูกในสาขาต่างประเทศเข้ามาบริหารบริษัทแม่เพื่อเรียนรู้ทำความเข้าใจการทำงานและวัฒนธรรมองค์กรจากบริษัทแม่ ก่อนจะส่งกลับไปบริหารบริษัทลูกในนโยบายแบบ Polycentric
ประโยชน์หลักของการใช้ Impat หรือ Impatriate คือความง่ายในการถ่ายทอดวิธีดำเนินงานในเชิงลึกให้กับผู้บริหารระดับสูง เนื่องจากผู้บริหารคนดังกล่าวจะได้เข้ามาเรียนรู้วิธีดำเนินงานจริงจากบริษัทแม่ รวมถึงวัฒนธรรมองค์กรจากบริษัทแม่ในสภาพแวดล้อมจริง
ซึ่งเป็นวิธีที่เรียนรู้ได้ง่ายกว่า ลึกกว่าและเร็วกว่า กรณีที่ใช้การส่งคนจากบริษัทแม่ไปอบรมผู้บริหารในบริษัทลูกในระยะสั้น ๆ (พูดง่าย ๆ คือเป็นวิธีที่เห็นภาพกว่าการอบรม) เหมือนกับการที่นักศึกษาไปฝึกงานเพื่อทำความเข้าใจกับสายงานที่นักศึกษากำลังเรียนอยู่ ที่จะทำให้เห็นว่าขั้นตอนการดำเนินงานจริงๆ เป็นอย่างไร
นอกจากนี้ ยังได้ประโยชน์จากการใช้ผู้บริหารที่เก่งที่สุดในการบริหารงานโดยไม่สนใจว่าผู้บริหารจะมาจากประเทศใดแบบนโยบาย Geocentric
ถ้าหากรู้จัก Expat อยู่แล้วจะเห็นว่า Impat หรือ Impatriate ก็คือนโยบายที่ตรงข้ามกับ Expat หรือ Expatriate ที่เป็นการส่งคนจากประเทศแม่ไปบริหารบริษัทสาขาในต่างประเทศนั่นเอง
ข้อจำกัดของ Impatriate
อย่างไรก็ตาม การใช้ผู้บริหารด้วยนโยบาย Impatriate จะมีข้อจำกัดและความเสี่ยงที่คล้ายกับกรณี Expatriate โดยหลัก ๆ จะมีอยู่ 2 ปัญหา คือ ปัญหาด้านค่าใช้จ่ายที่สูง และด้านความแตกต่างของวัฒนธรรม
ค่าใช้จ่ายสูง
เนื่องจาก การที่บริษัทต้องส่งผู้บริหารมายังบริษัทแม่ บริษัทจะต้องจ่ายค่าใช้จ่ายอื่นด้วยไม่ได้จ่ายเพียงแค่เงินเดือนของผู้บริหารคนดังกล่าวเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
ตัวอย่างเช่น ค่าเดินทาง ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ค่าใช้จ่ายในการขนย้าย ค่าใช้จ่ายของครอบครัว ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับที่พัก และค่าชดเชยอื่น ๆ ในลักษณะเดียวกับการเป็น Expat
อุปสรรคด้านภาษาและวัฒนธรรม
อุปสรรคด้านภาษาและวัฒนธรรมเป็นปัญหาเดียวกับ Expatriate เช่นกัน เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นในกรณีที่ผู้บริหารจากนโยบาย Impatriate เป็นผู้บริหารที่มาจากวัฒนธรรมที่ต่างกันและใช้ภาษาที่ต่างกัน
ซึ่งอาจเป็นผลให้เกิดปัญหา Culture Shock ที่ทำให้ผู้บริหารคนดังกล่าวต้องกลับประเทศก่อนกำหนด ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายข้างต้นสูญเปล่า หรืออาจทำงานได้ไม่เต็มที่ในระยะแรกจนกว่าจะปรับตัวเข้ากับวัฒนธรรมใหม่ได้
นอกจากนี้ ในกรณีที่ผู้บริหารคนดังกล่าวเป็น Impatriate ชั่วคราวที่เข้ามาเรียนรู้วัฒนธรรมเพื่อกับไปบริหารบริษัทลูกในอนาคต การกลับไปยังประเทศเดิมหลังจากปรับตัวใหม่ได้ก็จะทำให้เกิดปัญหา Reverse Culture Shock ได้เช่นกัน