GreedisGoods » Business » LIFO คืออะไร? หลัก Last In First Out ทำอย่างไร

LIFO คืออะไร? หลัก Last In First Out ทำอย่างไร

by Kris Piroj
LIFO คือ Last In First Out การบริหารสินค้าคงคลัง Inventory Management LIFO

LIFO คืออะไร?

LIFO คือ แนวคิดในการบริหารสินค้าคงคลังแบบเข้าทีหลังออกก่อนหรือ Last In, First Out โดยสินค้าคงคลังที่รับเข้ามาในภายหลังจะถูกนำไปขายหรือใช้ในการผลิตในกระบวนการถัดไปก่อนสินค้าที่มีอยู่ก่อนหน้า

โดยแนวคิดการบริหารสินค้าคงคลังด้วยหลัก LIFO หรือ Last In First Out คือวิธีที่นิยมใช้สำหรับธุรกิจในอุตสาหกรรมที่ราคาสินค้ามีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การใช้วิธีจัดการคลังสินค้าแบบ LIFO จะช่วยให้ธุรกิจเหล่านี้ประเมินมูลค่าสินค้าคงคลังด้วยต้นทุนราคาสินค้าในปัจจุบัน ซึ่งช่วยสะท้อนภาวะตลาดปัจจุบันได้ดีขึ้นเมื่อเทียบกับวิธีอย่าง FIFO (First In, First Out) และ FEFO (First Expired, First Out)

อย่างเช่น ในธุรกิจค้าปลีกสินค้าที่ราคาเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และธุรกิจการผลิตที่ใช้สินค้าโภคภัณฑ์ (Commodities) ที่มีราคาผันผวน

อย่างไรก็ตาม ในทางกลับกันวิธีการแบบ LIFO ก็เป็นวิธีที่ไม่อนุญาตสำหรับบริษัทที่ทำการค้าระหว่างประเทศกับบางประเทศ และไม่อนุญาตสำหรับการปฏิบัติตามภาษีหรือการรายงานทางการเงินในบางประเทศ

ตัวอย่างวิธี Last In First Out

ตัวอย่างของ LIFO ในที่นี้จะเป็นวิธีการการจัดการสินค้าคงคลังของบริษัทในอุตสาหกรรมการผลิต โดยสมมติว่าบริษัทแห่งหนึ่งผลิตและจัดเก็บส่วนประกอบบางประเภท อย่างเช่น เฟือง โดยบริษัทได้ผลิตเฟือง 200 ตัวในวันจันทร์ และผลิตเฟืองอีก 200 ตัวในวันพุธ

ภายใต้วิธีการจัดการคลังสินค้าแบบ LIFO บริษัทจะใช้เฟืองที่ผลิตในวันพุธ 100 ตัวก่อนเนื่องจากเป็นเฟืองสุดท้ายที่ผลิต และบริษัทจึงจะใช้เฟืองที่ผลิตในวันจันทร์ 200 ตัวที่เหลือ ด้วยวิธีนี้บริษัทจึงมั่นใจได้ว่าจะใช้รายการล่าสุดก่อน ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงที่ต้องใช้รายการที่ล้าสมัยหรือล้าสมัย

ข้อได้เปรียบของ LIFO

ช่วยลดภาษีได้ (ในบางประเทศ) – เนื่องจากวิธี LIFO ทำให้บริษัทใช้ต้นทุนของสินค้าที่ใหม่สุดในการคำนวณต้นทุนสินค้าที่ถูกขายออกไป

สะท้อนต้นทุนที่เป็นในปัจจุบัน – เพราะเป็นราคาสินค้าของสินค้าที่ซื้อเข้ามาล่าสุด ซึ่งจะเป็นประโยชน์สำหรับบริษัทในอุตสาหกรรมที่มีราคาสินค้าหรือวัตถุดิบเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

การประหยัดต้นทุน – โดยทั่วไป LIFO จะส่งผลให้ต้นทุนการบรรทุกสินค้าคงคลังลดลง เนื่องจากต้นทุนของการซื้อสินค้าคงคลังล่าสุดจะถูกจ่ายก่อน ซึ่งอาจเป็นประโยชน์สำหรับบริษัทที่ดำเนินการในตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วด้วยราคาที่ผันผวน

ข้อจำกัดของ LIFO

อาจทำให้ภาษีเงินได้ของธุรกิจสูงขึ้น – จากการที่ต้นทุนของสินค้าที่ขายขึ้นอยู่กับสินค้าที่ขายล่าสุด ดังนั้นเมื่อสินค้าท

อาจทำให้สินค้าคงคลังล้าสมัย – เพราะสินค้าคงคลังเก่าไม่ถูกนำไปขายหรือนำไปใช้ เนื่องจากสินค้าใหม่เป็นสินค้าคงคงคลังที่ถูกนำมาใช้ก่อนในวิธีบริหารสินค้าคงคลังแบบ LIFO (Last In First Out)

ปัญหาความเป็นสากล – เนื่องจาก LIFO เป็นวิธีการที่ไม่ได้เป็นที่ยอมรับในบางประเทศ และไม่ได้ถูกยอมรับตามหลัก Generally Accepted Accounting Principles (GAAP)

ความยากในการประเมินมูลค่าสินค้าคงคลังที่แท้จริง – การใช้วิธี LIFO ทำให้การประเมินมูลค่าของสินค้าคงคลังทำได้ยากหรือซับซ้อนขึ้จ เนื่องจากเป็นการยากที่จะคาดเดาว่าราคาของสินค้าจะมีราคาเท่ากับเท่าใดเมื่อขายสินค้าออกไป

บทความที่เกี่ยวข้อง

เว็บไซต์ของเราใช้คุกกี้ (Cookies) เพื่อมอบประสบการณ์ใช้งานที่ดียิ่งขึ้น ปรับตั้งค่าปฏิเสธ Cookies ยินยอม ดูรายละเอียด