LIFO คืออะไร?
LIFO คือ แนวคิดในการบริหารสินค้าคงคลังแบบเข้าทีหลังออกก่อนหรือ Last In, First Out โดยสินค้าคงคลังที่รับเข้ามาในภายหลังจะถูกนำไปขายหรือใช้ในการผลิตในกระบวนการถัดไปก่อนสินค้าที่มีอยู่ก่อนหน้า
โดยแนวคิดการบริหารสินค้าคงคลังด้วยหลัก LIFO หรือ Last In First Out คือวิธีที่นิยมใช้สำหรับธุรกิจในอุตสาหกรรมที่ราคาสินค้ามีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การใช้วิธีจัดการคลังสินค้าแบบ LIFO จะช่วยให้ธุรกิจเหล่านี้ประเมินมูลค่าสินค้าคงคลังด้วยต้นทุนราคาสินค้าในปัจจุบัน ซึ่งช่วยสะท้อนภาวะตลาดปัจจุบันได้ดีขึ้นเมื่อเทียบกับวิธีอย่าง FIFO (First In, First Out) และ FEFO (First Expired, First Out)
อย่างเช่น ในธุรกิจค้าปลีกสินค้าที่ราคาเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และธุรกิจการผลิตที่ใช้สินค้าโภคภัณฑ์ (Commodities) ที่มีราคาผันผวน
อย่างไรก็ตาม ในทางกลับกันวิธีการแบบ LIFO ก็เป็นวิธีที่ไม่อนุญาตสำหรับบริษัทที่ทำการค้าระหว่างประเทศกับบางประเทศ และไม่อนุญาตสำหรับการปฏิบัติตามภาษีหรือการรายงานทางการเงินในบางประเทศ
ตัวอย่างวิธี Last In First Out
ตัวอย่างของ LIFO ในที่นี้จะเป็นวิธีการการจัดการสินค้าคงคลังของบริษัทในอุตสาหกรรมการผลิต โดยสมมติว่าบริษัทแห่งหนึ่งผลิตและจัดเก็บส่วนประกอบบางประเภท อย่างเช่น เฟือง โดยบริษัทได้ผลิตเฟือง 200 ตัวในวันจันทร์ และผลิตเฟืองอีก 200 ตัวในวันพุธ
ภายใต้วิธีการจัดการคลังสินค้าแบบ LIFO บริษัทจะใช้เฟืองที่ผลิตในวันพุธ 100 ตัวก่อนเนื่องจากเป็นเฟืองสุดท้ายที่ผลิต และบริษัทจึงจะใช้เฟืองที่ผลิตในวันจันทร์ 200 ตัวที่เหลือ ด้วยวิธีนี้บริษัทจึงมั่นใจได้ว่าจะใช้รายการล่าสุดก่อน ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงที่ต้องใช้รายการที่ล้าสมัยหรือล้าสมัย
ข้อได้เปรียบของ LIFO
ช่วยลดภาษีได้ (ในบางประเทศ) – เนื่องจากวิธี LIFO ทำให้บริษัทใช้ต้นทุนของสินค้าที่ใหม่สุดในการคำนวณต้นทุนสินค้าที่ถูกขายออกไป
สะท้อนต้นทุนที่เป็นในปัจจุบัน – เพราะเป็นราคาสินค้าของสินค้าที่ซื้อเข้ามาล่าสุด ซึ่งจะเป็นประโยชน์สำหรับบริษัทในอุตสาหกรรมที่มีราคาสินค้าหรือวัตถุดิบเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
การประหยัดต้นทุน – โดยทั่วไป LIFO จะส่งผลให้ต้นทุนการบรรทุกสินค้าคงคลังลดลง เนื่องจากต้นทุนของการซื้อสินค้าคงคลังล่าสุดจะถูกจ่ายก่อน ซึ่งอาจเป็นประโยชน์สำหรับบริษัทที่ดำเนินการในตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วด้วยราคาที่ผันผวน
ข้อจำกัดของ LIFO
อาจทำให้ภาษีเงินได้ของธุรกิจสูงขึ้น – จากการที่ต้นทุนของสินค้าที่ขายขึ้นอยู่กับสินค้าที่ขายล่าสุด ดังนั้นเมื่อสินค้าท
อาจทำให้สินค้าคงคลังล้าสมัย – เพราะสินค้าคงคลังเก่าไม่ถูกนำไปขายหรือนำไปใช้ เนื่องจากสินค้าใหม่เป็นสินค้าคงคงคลังที่ถูกนำมาใช้ก่อนในวิธีบริหารสินค้าคงคลังแบบ LIFO (Last In First Out)
ปัญหาความเป็นสากล – เนื่องจาก LIFO เป็นวิธีการที่ไม่ได้เป็นที่ยอมรับในบางประเทศ และไม่ได้ถูกยอมรับตามหลัก Generally Accepted Accounting Principles (GAAP)
ความยากในการประเมินมูลค่าสินค้าคงคลังที่แท้จริง – การใช้วิธี LIFO ทำให้การประเมินมูลค่าของสินค้าคงคลังทำได้ยากหรือซับซ้อนขึ้จ เนื่องจากเป็นการยากที่จะคาดเดาว่าราคาของสินค้าจะมีราคาเท่ากับเท่าใดเมื่อขายสินค้าออกไป