GreedisGoods » Marketing » Loss Leader Pricing คืออะไร? การตั้งราคาแบบล่อตาล่อใจทำอย่างไร

Loss Leader Pricing คืออะไร? การตั้งราคาแบบล่อตาล่อใจทำอย่างไร

by Kris Piroj
Loss Leader Pricing คือ การตั้งราคาแบบล่อตาล่อใจ Loss Leader Price

Loss Leader Pricing คือ กลยุทธ์ด้านราคา (Price Strategy) แบบการตั้งราคาแบบล่อตาล่อใจทำอย่างไร ในแบบที่มุ่งเน้นการเป็นผู้นำในการขายราคาถูกหรือก็คือการตั้งราคาเพื่อดึงดูดลูกค้า โดยกลยุทธ์ Loss Leader หรือ Loss Leader Pricing คือการตั้งราคาขายของสินค้าหรือบริการให้ต่ำกว่าราคาตลาด เพื่อใช้ประโยชน์จากราคาที่ต่ำกระตุ้นยอดขายสินค้าทำให้มีชื่อเรียกอีกชื่อคือกลยุทธ์การตั้งราคาแบบล่อตาล่อใจ

เพราะถึงแม้ว่าลูกค้าจะไม่สนใจในสินค้าหรือบริการของแบรนด์มาก่อน (ทั้งที่แม้ว่าสินค้าอาจจะดีจริง) แต่ถ้าหากลูกค้าพบว่าสินค้าราคาลดลงมากพอลูกค้าก็จะหันมาหาสินค้าของแบรนด์

เมื่อสามารถล่อลูกค้าให้เข้ามาซื้อสินค้าที่ลดราคาได้แล้ว ตรงนี้เองที่จะใช้ประโยชน์จากการลดราคาดังกล่าวเพื่อถอนทุนคืนจากการลดราคาด้วยกลยุทธ์ Loss Leader Pricing

อย่างไรก็ตาม เพื่อประโยชน์สูงสุดของการลดราคา การลดราคาในกลยุทธ์ Loss Leader Pricing ควรจะอยู่บนพื้นฐานต่อไปนี้

  1. ควรเป็นสินค้าที่ลูกค้าต้องซื้อบ่อยหรือใช้บ่อย เพราะมีโอกาสสูงกว่าที่ลูกค้าจะสนใจ
  2. เป็นสินค้าที่ไม่สามารถกักตุนได้ ลูกค้าซื้อได้บ่อยในลักษณะที่เห็นว่าลดราคาเมื่อไหร่ก็ซื้อได้ทุกครั้ง อย่างเช่น ผลไม้ ผัก เนื้อสัตว์
  3. ถ้าหากเป็นสินค้าที่สามารถกักตุนได้ก็ควรจำกัดจำนวน จำนวนชิ้นที่จะขาย หรือจำกัดว่า 1 คนซื้อได้กี่ชิ้น
  4. สินค้าอยู่ในจุดที่ลูกค้าเข้าไปซื้อลำบากหรือต้องเดินไกล อย่างเช่น ท้ายร้าน อยู่บนชั้นสูงของเชลฟ์

ถ้าหากสงสัยว่ากลยุทธ์ Loss Leader Pricing สามารกระกระตุ้นยอดขายด้วยได้อย่างไร ทั้งที่เป็นการลดราคาที่ดูเหมือนจะขาดทุน ลองดูตัวอย่างในหัวข้อถัดไป

ตัวอย่าง กลยุทธ์ Loss Leader Pricing

หลังจากที่สามารถลดราคาสินค้าต่ำจนลูกค้าอดใจไม่ไหวต้องมาซื้อได้แล้ว มาดูตัวอย่างกันว่า Loss Leader Pricing  ส่งเสริมการขายได้อย่างไร

อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างของ กลยุทธ์ Loss Leader Pricing หรือกลยุทธ์การตั้งราคาแบบล่อตาล่อใจจะตั้งอยู่บนพื้นฐานที่ว่า ลูกค้ามีโอกาสที่จะซื้อสินค้าอื่นที่วางขายอยู่ด้วย หรือลูกค้ามีกำลังซื้อพอที่จะซื้อสินค้าอื่น

อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์มือถือ

จะเห็นว่าร้านอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์มือถือชื่อดัง มักจะชอบลดราคาสินค้าไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์หรือ Notebook อยู่อย่างสม่ำเสมอ (ที่ส่วนมากจะเป็นสินค้าเก่าหรือสินค้าขายไม่ออก)

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าจะยอมขาดทุนจากการขายสินค้าราคาถูกเหล่านั้น ธุรกิจเหล่านี้ก็มักจะได้กำไรจากสินค้าประเภท Accessories ต่าง ๆ อย่างเช่น สายชาร์จ พาวเวอร์แบงค์ หูฟัง และอุปกรณ์เสริมอื่น ๆ ที่ลูกค้าสามารถซื้อได้บ่อยและกำไรต่อหน่วยสูง

หรือในกรณีของคอมมพิวเตอร์ก็จะได้ยอดขายเพิ่มในส่วนของการอัพเกรด ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มแรม การเปลี่ยนจาก HDD เป็น SSD รวมไปถึงการขาย Windows และ Software อื่น ๆ เพิ่มเติม

Web Hosting และ Domain

Web Hosting หรือ Domain โดยส่วนมากมักจะลดราคาอย่างใดอย่างหนึ่งอย่างมาก (ระดับ 80-90%) ในขณะที่อีกอย่างลดเพียงเล็กน้อย

แต่สำหรับใครไม่เข้าใจจะอธิบายแบบสั้น ๆ ว่าทั้ง Domain และ Web Hosting 2 อย่างนี้คือสิ่งที่ทำให้มีเว็บแต่ละเว็บขึ้นมาได้ Domain คือ ชื่อเว็บที่พิมพ์เข้ามา เช่น greedisgoods.com ส่วน Web Hosting คือที่เก็บข้อมูลของเว็บที่ทำให้เว็บคงอยู่ได้

ซึ่งบริการ Web Hosting และ Domain มักจะให้บริการเป็นรายปี (หรือลดราคาเฉพาะการซื้อเป็นรายปี) ทำให้เป็นไปได้ยากมากที่จะซื้อ Web Hosting เก็บเอาไว้รอจน Domain ลดราคา เพราะ Web Hosting ที่ซื้อมาก็จะหมดอายุไปเรื่อย ๆ จนกว่าคุณจะได้ Domain มาใช้

จากกรณีตัวอย่างทำให้คุณมี 2 ทางเลือก ได้แก่

  1. ซื้อ Domain พ่วงมาด้วย (ในราคาเต็ม) และปลอบใจตัวเองว่าราคารวมถูกกว่าการซื้อทั้ง 2 อย่างด้วยราคาเต็ม
  2. ไม่ทำอะไรรอไปจนกว่า Domain จะลดราคา ซึ่งถ้าทำแบบนี้ทางผู้ให้บริการก็จะไม่ต้องเสียทรัพยากรมาบริการคุณทั้งปี เพราะกว่าคุณจะได้ Domain ลดราคาก็อาจจะผ่านไปแล้วครึ่งปีก็ได้

ถ้าหากว่าอ่านแล้วเข้าใจในส่วนนี้ เรียกได้ว่า นี่คือตัวอย่างที่เห็นภาพที่สุดของ Loss Leader Pricing

ห้างสรรพสินค้าลดราคา

อาหารและของสดอยู่ส่วนสุดท้ายของห้างสรรพสินค้า เพื่อให้ลูกค้าเดินผ่านสินค้าอื่น ๆ ที่ในเวลาปกติลูกค้าอาจจะไม่ต้องการจนกว่าจะเห็น เพราะห้างสรรพสินค้ารู้อยู่แล้วว่าลูกค้ามาที่นี่เพื่อซื้ออาหารเข้าบ้านเป็นหลัก ห้างสรรพสินค้าจึงวางตำแหน่งอาหารไว้ท้ายสุด ทำให้ลูกค้าต้องเดินผ่านเสื้อผ้า ของใช้ เครื่องสำอาง และสินค้าอื่นที่ไม่ได้ซื้อบ่อย

ซึ่งในส่วนนี้ก็อาจจะกระตุ้นลูกค้าอีกครั้งด้วยการจัด Promotion เล็กน้อย เพื่อดึงลูกค้าที่เดินผ่าน ให้เดินเข้าไปดูและซื้อในโซนนั้น ๆ

ผ้าอ้อมในห้างสรรพสินค้า

เป็นสินค้าที่ค่อนข้างตรงตามเงื่อนไขทั้ง 4 ข้อในด้านบน ถึงแม้ว่าจะซื้อตุนได้ แต่ก็ยังเป็นสินค้าที่ต้องซื้อบ่อยอยู่ดี

จุดสำคัญอยู่ที่คนซื้อคือผู้ปกครองที่ไม่ได้ใช้เองแต่ต้องซื้อและมีกำลังซื้อต้องเดินผ่านสินค้าอื่น ๆ เพื่อไปถึงโซนผ้าอ้อม เช่นเดียวกันกับกรณีของห้างสรรพสินค้าลดราคา

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับกลยุทธ์การตั้งราคา (Price Strategy) รูปแบบอื่นได้ที่บทความ กลยุทธ์การตั้งราคา (Pricing Strategy)

บทความที่เกี่ยวข้อง