Merger คือ การควบรวมกิจการ ซึ่งเป็นการที่บริษัท 2 บริษัทหรือมากกว่าขยายธุรกิจด้วยการทำการรวมกิจการกัน โดยหลังจากการ Merger แล้วอาจจะควบรวมกันแล้วใช้ชื่อของบริษัทใดบริษัทหนึ่ง หรือตั้งเป็นบริษัทใหม่อีกบริษัทหนึ่งขึ้นมาก็ได้
การ Merger ถือเป็นกลยุทธ์การเติบโต (Growth Strategy) ตามหลักของการจัดการเชิงกลยุทธ์ ในรูปแบบของ Integrative Growth Strategy และ Diversification Growth Strategy ที่เป็นการขยายธุรกิจไปยังตลาดใหม่หรือขยายไปยัง Supplier เพื่อรองรับการขยายธุรกิจหลักที่จะขยายให้ใหญ่ขึ้นในอีกระดับ
เนื่องจาก เมื่อธุรกิจเติบโตจนถึงจุดจุดหนึ่ง การที่ธุรกิจจะขยายต่อไปได้นั้นการพึ่งพา Supplier ไม่เพียงพออีกต่อไป เพราะบริษัทไม่สามารถควบคุมความแน่นอนได้เอง จะเห็นว่าหลายธุรกิจที่เติบโตจนใหญ่มาก ๆ ถ้าหากไม่ Merger ก็จะทำการ Acquisition เพื่อลดต้นทุนที่เกิดจากต้นทุนต่าง ๆ ที่มาจากภายนอกที่ควบคุมไม่ได้
สำหรับสาเหตุของการ Merger หรือประโยชน์ของการ Merger จะมีสาเหตุหลักเพียงสาเหตุเดียว คือ การใช้ประโยชน์เกี่ยวกับด้านต้นทุน หรือพูดง่าย ๆ ก็คือการผลิตบางอย่างได้เองย่อมมีต้นทุนต่ำกว่าการสั่งซื้อมาจาก Supplier
รูปแบบของการ Merger
วิธีการควบรวมกิจการหรือ Merger จะแบ่งออกเป็น 3 รูปแบบ คือ Horizontal Merger, Vertical Merger และ Conglomerate Merger ที่แตกต่างกันจากลักษณะของการควบกิจการ
การ Merger ทั้ง 3 รูปแบบ มีรายละเอียด ดังนี้:
Horizontal Merger คือ การควบรวมกิจการในแนวนอน หมายถึงการควบกิจการกับธุรกิจแบบเดียวกันหรือธุรกิจที่มีความใกล้เคียงกัน
ตัวอย่างเช่น บริษัทผลิตกระเป๋าหนัง ควบกิจการ กับบริษัผลิตกระเป๋าเดินทาง
Vertical Merger คือ การควบกิจการในแนวตั้ง หมายถึงการควบกิจการกับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการผลิตและการขายสินค้า (ต้นน้ำและปลายน้ำ)
ตัวอย่างเช่น ควบกิจการกับบริษัทที่เป็น Supplier เพื่อลดต้นทุนวัตถุดิบ หรือการควบกิจการกับบริษัทที่เป็นเจ้าของช่องทางจัดจำหน่าย (ทำให้ไม่ต้องพึ่งพ่อค้าคนกลางอีกต่อไป)
Conglomerate Merger คือการควบกิจการกับกิจการที่ไม่ได้เกี่ยวข้องหรือใกล้เคียงกันกับกิจการเดิม
ตัวอย่างเช่น โรงแรมควบกิจการกับบริษัทผลิตผ้าขนหนู เพื่อใช้ประโยชน์จากผลิตภัณฑ์ผ้าขนหนูเพื่อใช้ในโรงแรม