Price In คืออะไร?
Price In คือ การที่ราคาตลาดปัจจุบันของสินทรัพย์บางอย่างได้สะท้อนถึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดและความคาดหวังของนักลงทุนต่อเหตุการณ์ในอนาคตที่ส่งผลกระทบต่อราคาของสินทรัพย์บางอย่างไปเรียบร้อยแล้ว
กล่าวคือ ข้อมูลข่าวสารที่เปิดเผยสาธารณะ การคาดการณ์ และแนวโน้มราคา ที่จะส่งผลต่อราคาของสินทรัพย์นั้น ได้ถูกสะท้อนออกมาให้เห็นในราคาตลาดปัจจุบันของสินทรัพย์ ซึ่งเราเรียกสถานการณ์แบบนี้ว่า “Price In”
ซึ่งจะสามารถพบเห็นคำว่า Price In ได้จากข่าวสารและบทวิเคราะห์ด้านการลงทุน เมื่อราคาของสินทรัพย์ทางการลงทุน โดยเฉพาะหุ้น และสินค้าโภคภัณฑ์เกิดการ Priced In จากเหตุการณ์หรือข่าวสารบางอย่าง
สมมติว่าหุ้น GGS บริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ได้ประโยชน์จากการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลาง เนื่องจากในภาวะดอกเบี้ยต่ำผู้บริโภคมีแนวโน้มในการยื่นกู้บ้านผ่านง่ายขึ้น และต้นทุนดอกเบี้ยเงินกู้ที่ธุรกิจอสังหาฯ ต้องจ่ายลดลง
และสมมติว่านักลงทุนส่วนใหญ่เชื่อว่าในการประชุมของธนาคารกลางในสุดสัปดาห์จะมีการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอย่างแน่นอน แล้วราคาหุ้น GGS ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมากในช่วงเวลาดังกล่าวโดยเฉพาะ 1 วันก่อนการประชุม
จากตัวอย่างนั่นหมายความว่าราคาของหุ้น GGS ได้เกิดการ Price In รับข่าวการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายไปเรียบร้อย
สาเหตุของการ Price In
เหตุผลของการ Price In คือ การที่ตลาดการเงิน (Finanicla Market) เป็นการลงทุนในความคาดหวังต่ออนาคต เพื่อสร้างผลตอบแทนจากสิ่งที่คาดหวังว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต
จากตัวอย่างเดิม การที่นักลงทุนที่หวังเงินปันผล (Dividend) และลงทุนในหุ้น GGS เพราะคาดหวังว่าบริษัทจะสามารถทำกำไรเพื่อจ่ายเงินปันผลให้กับนักลงทุนได้มากขึ้น จากทั้งปัจจัยด้านกำลังซื้อของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นและจากต้นทุนดอกเบี้ยที่ลดลง
ด้านนักเก็งกำไรที่มองว่าหุ้น GGS ปัจจุบันมีราคาตลาดที่ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง หรือคาดว่าหุ้น GGS จะมีความต้องการซื้อ (Demand) ที่มากขึ้นในอนาคตซึ่งจะทำให้ราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้น ก็จะเข้ามาซื้อหุ้นเหล่านั้นเพื่อหวังที่จะขายหุ้นด้วยราคาสูงในอนาคต
จะเห็นว่าไม่ว่าการเก็งกำไรหรือการลงทุน นักลงทุนจ่ายเงินซื้อหุ้นเพราะหวังว่าจะได้รับเงินปันผลต่างเป็นการคาดหวังในผลตอบแทนที่คาดจะว่าได้รับ (Expected Return) ในอนาคต
ด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้ข่าวดีและข่าวเสียที่เกี่ยวข้องหรือส่งผลต่อสินทรัพย์นั้น ๆ จึงเป็นวิธีที่ส่งผลอย่างมากต่อราคาสินทรัพย์ในทิศทางใดก็ตาม ซึ่งพื้นฐานเหล่านี้เป็นพื้นฐานของทุกสินทรัพย์ในตลาดการเงินไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่ราคาหุ้น
อีกตัวอย่างคือเหตุการณในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 นักลงทุนรีบเทขายหุ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากความกังวลในภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแออย่างมากสำหรับอนาคตอันใกล้ในขณะนั้น โดยในช่วง 19 ก.พ. ถึง 23 มี.ค. ในปี 2020 ดัชนี S&P500 ร่วงลงกว่า 30% ในระยะเวลาประมาณ 1 เดือน
“ราคาหุ้นวันนี้ สะท้อนผลกำไรในวันหน้า”
ซึ่งนั่นไม่ได้หมายความว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้พังทลายลงแล้ว เพียงแค่นักลงทุนคาดการณ์ว่าสถานการณ์เลวร้ายจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้
Price In แล้วจะเป็นอย่างไรต่อ?
โดยทั่วไปการที่ราคาสินทรัพย์เกิดการ Price In ไปเรียบร้อยแล้ว โดยเฉพาะกับการ Price In ที่มีราคาเพิ่มขึ้น (หรือลดลง) อย่างรุนแรง มีแนวโน้มอย่างมากที่ราคาหุ้นจะไม่เพิ่มขึ้น (หรือลดลง) อย่างรุนแรงเหมือนกับตอนที่ตลาดเกิด Price In อีกแล้ว
อย่างไรก็ตาม ปัญหาของเรื่องนี้คือไม่มีใครรู้ว่าตลาด Price In ไปแล้วแน่ ๆ หรือยัง หรือแรงซื้อมหาศาลที่ดูเหมือนเป็นการ Price In อาจเป็นเพียงการเริ่มต้นก็ได้ ซึ่งในประเด็นนี้ก็จะแตกต่างกันออกไปตามความคาดหวังของนักลงทุนส่วนใหญ่ต่อบริษัท
กล่าวคือ Price In คือ การที่ตลาดได้ตอบสนองต่อข้อมูลและความคาดหวังที่เกี่ยวข้องทั้งหมดแล้ว ดังนั้นเหตุการณ์ในอนาคตใด ๆ ที่สอดคล้องกับความคาดหวังเหล่านี้ไม่น่าจะมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อราคาตลาด ในทางกลับกันหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นอาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อราคาตลาด เนื่องจากราคาดังกล่าวไม่ได้สะท้อนอยู่ในราคาตลาดปัจจุบัน
นอกจากนี้ นักลงทุนควรทราบว่าราคาในตลาดอาจไม่ใช่ภาพสะท้อนที่ถูกต้องของข้อมูลและความคาดหวังที่เกี่ยวข้องกับหลักทรัพย์ทั้งหมดเสมอไป เนื่องจากอาจได้รับอิทธิพลจากปัจจัยต่าง ๆ อย่างเช่น อารมณ์ การเก็งกำไร และแม้แต่กระทั่งการแทรกแซงราคา อีกทั้งข้อมูลใหม่อาจเปลี่ยนแปลงความคาดหวังและทำให้ราคาผันผวนได้