GreedisGoods » Economics » มาตรการ QE กับตลาดหุ้น เกี่ยวข้องกันอย่างไร?

มาตรการ QE กับตลาดหุ้น เกี่ยวข้องกันอย่างไร?

by Kris Piroj
QE กับตลาดหุ้น มาตรการ QE ส่งผลต่อตลาดหุ้น

แม้ว่ามาตรการ QE มีเป้าหมายที่การลดต้นทุนการกู้ยืมและการเพิ่มสภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจ แต่อีกสิ่งหนึ่งที่ได้รับผลจากเงิน QE คือตลาดหุ้น ในบทความนี้เราจะพาไปทำความเข้าใจกลไกของมาตรการ QE ว่าส่งผลมาที่ตลาดหุ้นได้อย่างไร

มาตรการ QE กับตลาดหุ้น

QE กับตลาดหุ้น ตามปกติจะมีความสัมพันธ์ไปในทิศทางเดียวกัน กล่าวคือการทำ QE หรือ Quantitative Easing จะส่งผลให้เงินลงทุนไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นด้วยพฤติกรรม Search for Yield ของนักลงทุน เนื่องจากมาตรการ QE จะอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจผ่านการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลและตราสารหนี้ในตลาด

การเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการทำ Quantitative Easing หรือ QE ของธนาคารกลางจะส่งผลให้ราคาของพันธบัตรรัฐบาลรุ่นดังกล่าวราคาสูงขึ้น ซึ่งเมื่อพันธบัตรราคาสูงขึ้นจะส่งผลให้ Bond Yield ของพันธบัตรลดลงตามกลไกของ Bond Yield หรืออัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล

เมื่อพันธบัตรที่ถือว่าเป็นการลงทุนที่ไม่มีความเสี่ยง (Risk Free) ให้ผลตอบแทนลดลง (หรือคำนวณ Real Yield ออกมาแล้วมีค่าต่ำกว่าเงินเฟ้อ) ไม่คุ้มที่จะนำเงินมาลงทุนอีกต่อไป ก็จะกระตุ้นให้นักลงทุนมองหาสินทรัพย์อื่นเพื่อทำผลตอบแทนให้ได้เท่าเดิม (เราเรียกพฤติกรรมนี้เรียกว่า Search for Yield)

พฤติกรรม Search for Yield ดังกล่าว นักลงทุนจะย้ายเงินไปลงทุนในสินทรัพย์ที่เสี่ยงกว่าเพื่อรักษาผลตอบแทนให้ได้เท่าเดิม ซึ่งสินทรัพย์เหล่านั้นอาจเป็นไปได้ทั้ง หุ้นกู้ ทองคำ หุ้น หรือแม้กระทั่ง Cryptocurrency อย่าง Bitcoin

มาตรการ QE กับตลาดหุ้น

อย่างที่บอกว่าเมื่อพันธบัตรรัฐบาลให้อัตราผลตอบแทน (Bond Yield) ที่ลดลง นักลงทุนก็จะมีพฤติกรรม Search for Yield ในการมองหาสินทรัพย์ที่เสี่ยงขึ้นเพื่อให้ได้ผลตอบแทนมากขึ้นชดเชยผลตอบแทนที่หายไป หุ้นเองก็เป็นตัวเลือกหนึ่งเช่นกัน

เมื่อเงินไหลเข้ามาซื้อหุ้นก็จะทำให้ราคาหุ้น (ที่นักลงทุนเข้าซื้อ) สูงขึ้นตามกลไกราคา

การทำ QE แบบไร้ขีดจำกัด (Unlimited QE) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จึงเป็นเหตุผลหนึ่งว่าทำไมในช่วงวิกฤติโควิดในปี 2020 ที่ผ่านมาตลาดหุ้นหลายประเทศ โดยเฉพาะตลาดหุ้นสหรัฐฯ กลับเป็นบวกและทำ All Time High ไม่หยุด ทั้งที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจต้องหยุดชะงัก

อย่างไรก็ตาม ก็ไม่ได้หมายความว่า QE จะทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากเงินลงทุนจะไหลเข้าสู่ตลาดที่ให้อัตราผลตอบแทนที่แท้จริง หรือ Real Yield (ที่เป็นผลตอบแทนหลังหักเงินเฟ้อออก) ที่สูงกว่า

จะเกิดอะไรขึ้นถ้า Fed ดึงเงินกลับ

แม้ว่าเป้าหมายของ QE คือการกระตุ้นเงินเฟ้อ แต่ความเสี่ยงของ QE ก็คือเงินเฟ้อ (Inflation) ที่ควบคุมไม่ได้ ปัญหาเงินเฟ้อจะเกิดขึ้นเมื่อมาตรการ QE ถูกใช้ในช่วงที่เศรษฐกิจดีอยู่แล้วที่จะทำมีปริมาณเงินในระบบมากเกินไปจนไม่สามารถควบคุมระดับเงินเฟ้อได้

แน่นอนว่าธนาคารกลางอย่าง Fed จะไม่ปล่อยให้เป็นแบบนั้น เมื่อเงินเฟ้อสูงขึ้นจนถึงจุดหนึ่งธนาคารกลางก็จะดึงเงินกลับเพื่อทำให้เงินเฟ้ออยู่ในระดับเป้าหมายที่ต้องการ

ทำให้เมื่อ Fed ดึงเงิน QE กลับออกมา สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือเงินที่เคยใส่เข้ามาในระบบผ่านการทำ QE ที่เคยเข้าไปหนุนราคาของสินทรัพย์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นหุ้น พันธบัตร หรือแม้กระทั่ง Bitcoin และ Cryptocurrency อื่น ๆ ก็จะหายไปไม่มากก็น้อย

หรืออธิบายให้ง่ายกว่านั้นก็คือ ถ้าหากกลไกมาตรการ QE กับตลาดหุ้นที่อธิบายเมื่อตอนต้นเกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นของราคาหุ้นคือผลของการทำ QE ดังนั้นถ้าธนาคารกลางดึงเงินกลับสิ่งที่เกิดขึ้นตามมาก็คือด้านตรงข้ามนั่นเอง

สำหรับใครที่ต้องการติดตามว่าปัจจุบัน Fed หรือธนาคารกลางสหรัฐฯ มีปริมาณเงิน QE อยู่มากน้อยแค่ไหน และจะหยุดมาตรการ QE เมื่อไหร่สามารถติดตามได้จาก Fed Balance Sheet

บทความที่เกี่ยวข้อง

เว็บไซต์ของเราใช้คุกกี้ (Cookies) เพื่อมอบประสบการณ์ใช้งานที่ดียิ่งขึ้น ปรับตั้งค่าปฏิเสธ Cookies ยินยอม ดูรายละเอียด