GreedisGoods » Economics » Real Yield คืออะไร? อัตราผลตอบแทนที่แท้จริงมาจากไหน

Real Yield คืออะไร? อัตราผลตอบแทนที่แท้จริงมาจากไหน

by Kris Piroj
Real Yield คือ อัตราผลตอบแทนที่แท้จริง ดอกเบี้ยที่แท้จริง สูตร Real Yield ลงทุน

Real Yield คืออะไร?

Real Yield คือ อัตราผลตอบแทนที่แท้จริง ซึ่งปรับตามเงินเฟ้อเพื่อใช้สะท้อนถึงกำลังซื้อที่แท้จริงของผลตอบแทนการลงทุนที่ได้รับ โดย Real Yield จะคำนวณมาจากผลตอบแทนของการลงทุนที่ได้รับ (Nominal Yield) หักออกด้วยอัตราเงินเฟ้อของเงินสกุลนั้น (Inflation)

Real Yield เป็นตัวเลขผลตอบแทนจากการลงทุนที่นักลงทุนจะใช้ในการแสดงผลตอบแทนที่แท้จริงที่นักลงทุนได้รับในฐานะกำลังซื้อ (Purchasing Power) ในอนาคตของจำนวนเงินดังกล่าว ด้วยการปรับผลตอบแทนที่ได้รับ (Nominal Yield) โดยหักอัตราเงินเฟ้อ (Inflation Rate) ออกไป นั่นหมายความว่า ยิ่งอัตราเงินเฟ้อยิ่งสูงจะยิ่งทำให้ Real Yield ลดลง

โดยทั่วไปนักลงทุนจะใช้ Real Yield หรือ อัตราผลตอบแทนที่แท้จริง ในฐานะเครื่องมือสำหรับการประเมินผลตอบแทนจากการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล (Government Bond) เพื่อหาผลตอบแทนที่สูงกว่าอัตราเงินเฟ้อในช่วงนั้น ที่จะทำให้นักลงทุนได้ผลตอบแทนที่มากกว่ามูลค่าของเงินที่จะลดลงตามเงินเฟ้อ

ตามปกติ Real Yield ของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีจะถูกนำมาใช้เปรียบเทียบมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการนำ Real Yield ของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ไปใช้เปรียบเทียบกับราคาทองคำหรือดัชนีหุ้นที่ต้องการเปรียบเทียบผลตอบแทน

Real Yield คือ อัตราผลตอบแทนที่แท้จริง พันธบัตรสหรัฐ กราฟ Treasury Real Yield Curve Rates
ตัวอย่าง Real Yield ของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ (US Treasury) อายุ 5, 7, 10, 20, และ 30 ปี

ด้วยเหตุดังกล่าว การที่ Real Yield ปรับลดลงก็จะหมายความว่าผลตอบแทนจากพันธบัตรลดลง และเมื่อลดลงมากจนถึงจุดที่ลงทุนในสินทรัพย์อื่นดีกว่า เงินลงทุนจากพันธบัตรก็จะไหลไปหาสินทรัพย์ชนิดอื่น ซึ่งตามปกติมักจะเป็นทองคำและหุ้น

กล่าวคือ เมื่อ Real Yield คือสิ่งที่คำนวณมาจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Nominal Yield) และอัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ (Inflation Expectation) ทำให้เมื่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Nominal Yield) ลดลงด้วยเหตุผลต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายหรือการเทขายพันธบัตรรัฐบาลที่ธนาคารกลางได้ซื้อไว้เมื่อครั้งที่ใช้มาตรการ QE หรืออัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ (Inflation Expectation) เพิ่มขึ้น ก็จะทำให้ Real Yield ลดลง

ในทางกลับกันเมื่อ Nominal Yield เพิ่มขึ้น จากทั้งการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายหรือการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลผ่านมาตรการ QE หรืออัตราเงินเฟ้อคาดหวัง (Inflation Expectation) ลดลง ก็จะทำให้ Real Yield เพิ่มขึ้น

วิธีคำนวณ Real Yield

วิธีคำนวณ Real Yield สามารถทำได้ง่ายและตรงไปตรงมาด้วยคณิตศาสตร์พื้นฐาน ด้วยการนำผลตอบแทนพันธบัตรลบออกด้วยอัตราเงินเฟ้อ

หรือเขียนเป็นสมการได้ว่า Real Yield = Nominal Yield – Inflation Expectation

โดยที่

  • Real Yield คือ อัตราผลตอบแทนที่แท้จริงที่จะได้จากการคำนวณ
  • Nominal Yield คือ ผลตอบแทนจากการลงทุนที่ระบุไว้ อย่างเช่น ผลตอบแทนที่เขียนไว้หน้าพันธบัตร
  • Inflation Expectation คือ อัตราเงินเฟ้อคาดการณ์เป็นอัตราเงินเฟ้อที่คาดว่าจะเกิดในอนาคต บางครั้งเรียกว่า Breakeven Inflation ซึ่งตามปกติจะใช้ตัวเลข 10-Year Breakeven Inflation Rate

สำหรับ Real Yield ของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 5, 7, 10, 20, และ 30 ปี สามารถดูแบบรายวันของทุกอายุได้จากเว็บไซต์กระทรวงการคลังสหรัฐฯ (U.S. Department of the Treasury) และในส่วนของอัตราเงินเฟ้อ (Inflation Rate) อาจใช้เงินเฟ้อในอัตราปัจจุบันก็ได้เช่นกัน

Real Yield คือ อัตราผลตอบแทนที่แท้จริง สูตร คำนวณ Real Yield ดอกเบี้ย
วิธีคำนวณหา Real Yield หรือ อัตราผลตอบแทนที่แท้จริงจากการลงทุน

ตัวอย่าง การหาผลตอบแทนที่แท้จริง

สมมติว่า พันธบัตรสหรัฐอเมริกาอายุ 1 ปี ให้ผลตอบแทน 10% ต่อปี อัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ของสหรัฐอเมริกาอยู่ที่ 6% และพันธบัตรญี่ปุ่นอายุ 1 ปี ให้ผลตอบแทน 12% ต่อปี โดยอัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ของญี่ปุ่นอยู่ที่ 9%

Real Yield พันธบัตรสหรัฐอเมริกา = 10 – 6 = 4%

Real Yield พันธบัตรญี่ปุ่น = 12 – 9 = 3%

จากตัวอย่างจะเห็นว่า แม้ว่าหน้าพันธบัตรของญี่ปุ่นให้ผลตอบแทนถึง 12% แต่เมื่อหักเงินเฟ้อออกไปกลับให้ Real Yield (ผลตอบแทนที่แท้จริง) เพียง 3% เท่านั้น ในขณะที่พันธบัตรสหรัฐฯ ที่ให้ผลตอบแทนหน้าพันธบัตรน้อยกว่า กลับให้ Real Yield ที่มากกว่า โดยให้ผลตอบแทนที่ 4% เนื่องจากเงินเฟ้อต่ำกว่า

Real Yield สะท้อนอะไร?

การที่ Nominal Yield คืออัตราผลตอบแทนในการลงทุน ซึ่งในที่นี้คืออัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Bond Yield) ที่จะเปลี่ยนไปตามอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Policy Rate) ที่กำหนดโดยธนาคารกลางของแต่ละประเทศ เมื่อธนาคารกลางลดดอกเบี้ยลงอัตราผลตอบแทนพันธบัตรในฐานะ Nominal Yield ที่นักลงทุนได้รับจากพันธบัตรก็จะลดลงตาม ส่งผลให้ Real Yield ลดลงตาม

นอกจากนี้ อีกปัจจัยหนึ่งคือปัจจัยจากเงินเฟ้อที่เป็นตัวเลขที่นำมาลบกับผลตอบแทนตามที่ได้อธิบายในสมการด้านบน กล่าวคือ เมื่ออัตราเงินเฟ้อคาดหวังหรือเงินเฟ้อคาดการณ์ (Inflation Expectation) เพิ่มขึ้นก็จะทำให้ Real Yield ลดลง และในทางกลับกันเมื่ออัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ลดลงก็จะทำให้ Real Yield เพิ่มขึ้น

การที่ Real Yield ลดลงจะส่งผลให้นักลงทุนเริ่มไม่อยากลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลหรืออาจทำให้นักลงทุนเลือกที่จะย้ายเงินลงทุนออกจากพันธบัตรรัฐบาลไปลงทุนในสินทรัพย์อื่น (มักจะเป็นสินทรัพย์ที่เสี่ยงมากขึ้น) เพื่อหาผลตอบแทนที่สูงกว่าอัตราเงินเฟ้อ (Inflation Rate) ในช่วงเวลานั้น ซึ่งมักจะเป็นทองคำและหุ้นที่มีทิศทางราคาตรงข้ามกับ Real Yield โดยเราเรียกพฤติกรรมนี้ของนักลงทุนว่าพฤติกรรม Search for Yield หรือ พฤติกรรมแสวงหาผลกำไร

Real Yield ทองคำ เปรียบเทียบ หุ้น อัตราผลตอบแทนที่แท้จริง คือ
กราฟ Real Yield ของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 7 ปี เทียบกับราคาทองคำ

ในทางกลับกันสำหรับ Real Yield ที่สูงจะส่งผลให้นักลงทุนสนใจที่จะลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลมากกว่า เนื่องจากพันธบัตรรัฐบาลความเสี่ยงที่ต่ำกว่าในขณะที่ผลตอบแทนพันธบัตรกลับมาสูงอีกครั้ง และจะทำให้เงินลงทุนไหลกลับเข้ามาในตลาดพันธบัตรจนทำให้ Bond Yield ลดลงตามกลไกของ Bond Yield ในที่สุด

ด้วยเหตุผลเหล่านี้ ในอีกบทบาทหนึ่งของ Real Yield จึงเกี่ยวข้องกับการที่นักลงทุนบางส่วนใช้ทิศทางของ Real Yield ในการคาดการณ์มุมมองของตลาดต่ออัตราเงินเฟ้อและการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายในอนาคต เพราะหากนักลงทุนในตลาดส่วนใหญ่มีความคิดเห็นในทิศทางใดก็จะตัดสินใจซื้อหรือขายพันธบัตรก่อนเหตุการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นจริง ผลที่เกิดขึ้นของ Real Yield จึงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามสิ่งที่นักลงทุนมีมุมมองต่อเหตุการณ์เหล่านั้นและตัดสินใจก่อนเหตุการณ์จะเกิดขึ้น (ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นจริงตามนั้นหรือไม่ก็ได้)

ข้อมูลบางส่วนอ้างอิงจาก TradingView, Nasdaq และบทความได้แก้ไขจากที่ได้เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2563

บทความที่เกี่ยวข้อง

เว็บไซต์ของเราใช้คุกกี้ (Cookies) เพื่อมอบประสบการณ์ใช้งานที่ดียิ่งขึ้น ปรับตั้งค่าปฏิเสธ Cookies ยินยอม ดูรายละเอียด