RFID คืออะไร?
RFID คือ Radio-frequency identification หรือระบบระบุข้อมูลด้วยคลื่นความถี่วิทยุด้วยการรับสัญญาณจาก Tag ที่ติดอยู่กับสินค้า ซึ่งอาจจะระบุตั้งแต่วันที่ผลิต วันหมดอายุ หรือข้อมูลอะไรก็ตามของสินค้าตามที่ผู้ใช้ต้องการใส่ข้อมูลเอาไว้ใน Tag ซึ่งข้อมูลใน RFID จะถูกอ่านโดยเครื่องอ่านผ่านคลื่นวิทยุคล้ายคลึงกับบาร์โค้ดในข้อมูลจากแท็กหรือฉลากที่อุปกรณ์ที่เก็บข้อมูลไว้ในฐานข้อมูล
RFID (อาร์เอฟไอดี) คือเทคโนโลยีที่เห็นได้บ่อยจากการนำมาใช้ในการทำป้ายราคาหรือฉลากของสินค้าเพื่อการตรวจสอบข้อมูลสินค้า ตัวอย่างเช่น ป้าย RFID ที่ติดไว้กับเสื้อผ้าในร้านขายเสื่อผ้า และ RFID ที่ติดไว้กับเครื่องสำอางในร้านขายเครื่องสำอาง ซึ่งทั้ง 2 กรณีถ้าหากว่าสินค้าที่ติด RFID ถูกนำออกนอกพื้นที่โดยที่ไม่ได้จัดการให้ถูกต้อง เครื่องตรวจจับก็จะส่งเสียงดังขึ้นมาทันที
ในส่วนของภาคอุตสาหกรรม RFID มักถูกนำมาใช้ในการระบุตำแหน่งและการเก็บข้อมูลสินค้าที่ละเอียดกว่า Barcode เนื่องจาก RFID สามารถเก็บข้อมูลได้มากกว่า Barcode ได้สูงสุดถึง 2,000 KB ซึ่งมีทั้งแบบที่สามารถอ่านข้อมูลได้อย่างเดียวและแบบที่ทำได้ทั้งอ่านและเขียน
ประโยชน์ของ RFID
ประโยชน์ของ RFID ที่ทำให้ RFID ถูกนำมาใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตมากขึ้นโดยเฉพาะการนำ RFID มาใช้แทน Barcode ได้แก่:
RFID สามารเก็บข้อมูลได้มากกว่า Barcode รวมทั้งสามารถเขียนและแก้ไขข้อมูลได้ ทำให้ RFID Tag ทำให้สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้
ใช้รักษาความปลอดภัยสินค้า ป้องกันสินค้าสูญหายระหว่างการผลิตหรือสูญหายจากการถูกขโมย อีกทั้งยังสามารถปลอมแปลงได้ยากเนื่องจาก RFID Tag อยู่ในลักษณะเหมือนแผงวงจรง่าย ๆ
ใช้ระบุตำแหน่งของสินค้าที่อยู่ในคลังสินค้า จากการที่ RFID สามารถรับสัญญาณได้ไกลกว่า Barcode มาก ในขณะที่ Barcode รับข้อมูลได้จากระยะประชิดเท่านั้น
อ่านข้อมูลได้เร็วและไม่จำเป็นต้องใช้อ่านข้อมูลจากระยะประชิด ทำให้ไม่จำเป็นต้องติด RFID tag ไว้ด้านนอกของบรรจุภัณฑ์
ทนทานต่อความเสียหายต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นความเสียหายที่เกิดจากความเปียกชื้น สีที่จางของ Barcode หรือการฉีกขาดของบาร์โค๊ดที่ทำให้การอ่านข้อมูลเกิดความผิดพลาด (หรืออ่านไม่ได้)
การทำงานของ RFID
RFID อยู่ในกลุ่มเทคโนโลยีที่เรียกว่า Automatic Identification and Data Capture (AIDC) โดยวิธีการทำงานของ AIDC คือการระบุข้อมูลอัตโนมัติและป้อนข้อมูลเหล่านั้นลงในระบบคอมพิวเตอร์โดยตรงโดยที่มนุษย์มีส่วนเกี่ยวข้องในกระบวนการเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างสิ้นเชิง
การทำงานของ RFID จะประกอบไปด้วย 3 องค์ประกอบ คือ Tag RFID, เครื่องอ่าน RFID, และเสาอากาศ ซึ่ง Tag RFID จะประกอบด้วยวงจรรวมและเสาอากาศซึ่งใช้ในการส่งข้อมูลไปยังเครื่องอ่าน RFID จากนั้นเครื่องอ่านจะแปลงคลื่นวิทยุให้เป็นรูปแบบข้อมูลที่ใช้งานได้และโอนเข้าไปสู่คอมพิวเตอร์เพื่อเก็บข้อมูลลงไว้ในฐานข้อมูลซึ่งสามารถนำมาวิเคราะห์ได้ภายหลัง
โดยทั่วไป RFID จะแบ่งเป็น 2 แบบคือ Passive RFID และ Active RFID ที่จะต่างกันที่ระยะในการรับสัญญาณที่ไกลกว่าของ Active RFID กับแบตเตอรี่ที่ Passive RFID ไม่ต้องใช้จากภายนอก
แต่ในส่วนของการทำงานของ RFID จะประกอบด้วย 2 ส่วนสำคัญเหมือนกันคือ Reader หรือ Receiver และ Tag
- Reader คือเครื่องอ่านข้อมูลจาก Tag ของ RFID
- Tag คือป้าย RFID ที่จะถูกบันทึกข้อมูลลงไปเพื่ออ่านค่า
