GreedisGoods » Economics » Search For Yield คืออะไร? เข้าใจพฤติกรรมแสวงหาผลตอบแทน

Search For Yield คืออะไร? เข้าใจพฤติกรรมแสวงหาผลตอบแทน

by Kris Piroj
Search for Yield คือ พฤติกรรมแสวงหาผลตอบแทน ของนักลงทุน Searching for Yield คืออะไร

Search for Yield คืออะไร?

Search for Yield คือ พฤติกรรมแสวงหาผลตอบแทนที่สูงกว่าของนักลงทุน เป็นภาวะที่นักลงทุนจะแสวงหาการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าเพื่อย้ายเงินเข้าไปลงทุน เนื่องจากอัตราผลตอบแทนของการลงทุนในการลงทุนที่ปลอดภัยอย่างเช่นพันธบัตรรัฐบาลอยู่ในระดับที่ต่ำ

พฤติกรรม Search for Yield จะเกิดขึ้นเมื่อการลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัยกว่าให้ผลตอบแทนของการลงทุน (Yield) ลดลงจนทำให้การลงทุนดังกล่าวไม่สามารถชนะเงินเฟ้อที่ทำให้มูลค่าของเงินลดลง

ดังนั้น เมื่อไหร่ก็ตามที่การลงทุนบางอย่างให้อัตราผลตอบแทนที่แท้จริง (Real Yield) ที่ติดลบ (ผลตอบแทนที่ได้รับต่ำกว่าเงินเฟ้อ) นักลงทุนก็จะมีพฤติกรรม Search for Yield ในการย้ายเงินไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นที่ให้ผลตอบแทนมากขึ้น เพื่อทำให้ Real Yield ที่ได้รับเป็นบวก

กล่าวคือ Search for Yield เป็นการที่นักลงทุนหันไปลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนที่มากกว่า เพื่อชดเชยผลตอบแทนของการลงทุนแบบเดิม เนื่องจากการลงทุนแบบเดิมให้ผลตอบแทนที่ลดลง ทำให้พฤติกรรม Search for Yield เป็นตัวแปรสำคัญที่ส่งผลต่อการย้ายเงินลงทุนของนักลงทุน และเป็นสิ่งที่สะท้อนความสัมพันธ์ระหว่างอัตราดอกเบี้ยนโยบายกับการลงทุนในตลาดหุ้นของนักลงทุน

  • ในภาวะปกติที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายสูงนักลงทุนจะลงทุนให้สินทรัพย์ความเสี่ยงต่ำ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ต่ำจะส่งผลให้การลงทุนความเสี่ยงต่ำให้ผลตอบแทนที่สูงตาม
  • แต่เมื่อดอกเบี้ยนโยบายลดลงจนการลงทุนความเสี่ยงต่ำให้ผลตอบแทนลดลง นักลงทุนก็จะหันไปลงทุนในการลงทุนที่ความเสี่ยงเพิ่มขึ้นเพื่อหาผลตอบแทนที่มากขึ้น

กลไกของพฤติกรรม Search for Yield

ตามปกติในช่วงที่เศรษฐกิจดีเงินเฟ้ออยู่ในระดับปกติ อัตราดอกเบี้ยจะอยู่ในระดับสูงเพื่อควบคุมไม่ให้มีสภาพคล่องในระบบมากเกินไปจนนำไปสู่เงินเฟ้อในระดับที่สูงเกินไป โดยอัตราดอกเบี้ยที่สูงเป็นสิ่งที่กระตุ้นให้คนนำเงินมากฝากเอาไว้

แต่ในภาวะที่เศรษฐกิจซบเซาธนาคารกลางจะใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย (Easy Monetary Policy) เพื่อกระตุ้นให้เกิดการลงทุน ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Policy Rate) จะอยู่ในระดับที่ต่ำ

เมื่ออัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ในระดับที่ต่ำก็จะส่งผลต่อเนื่องการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ อย่างเช่น การฝากเงิน และพันธบัตรรัฐบาลให้อัตราผลตอบแทนที่ต่ำตามไปด้วย ผลตอบแทนที่ต่ำจากอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ต่ำส่งผลให้นักลงทุนหันไปลงทุนในการลงทุนที่ผลตอบแทนมากขึ้น

ตัวอย่างเช่น ปัจจุบันหุ้นให้ปันผล 4% ต่อปี ในขณะที่พันธบัตรรัฐบาลให้ผลตอบแทน 3% ต่อปี ก็จะส่งผลให้นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำเลือกลงทุนในพันธบัตร และนักลงทุนที่รับความเสี่ยงที่สูงขึ้นได้อีกนิดจะเลือกลงทุนในหุ้นปันผล

แต่ถ้าหากใน 1 ปีข้างหน้า พันธบัตรรัฐบาลให้ผลตอบแทนลดลงเหลือ 2.5% ในขณะที่หุ้นให้ปันผล 4% เท่าเดิม เมื่อช่องว่างของผลตอบแทนจากการลงทุนทั้ง 2 ชนิดกว้างขึ้น ก็จะยิ่งทำให้นักลงทุนเลือกที่จะรับความเสี่ยงสูงขึ้นอีกระดับเพื่อหาผลตอบแทนเพิ่มขึ้น

ตามปกติพฤติกรรม Search for Yield จะทำให้นักลงทุนย้ายเงินไปลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชน และหุ้น ซึ่งถือว่าเป็นสินทรัพย์ที่ความเสี่ยงเพิ่มขึ้นมาเป็นลำดับถัดไปจากพันธบัตร นอกจากนี้ เราจะสามารถเรียงลำดับความเสี่ยงของสินทรัพย์ที่นักลงทุนจะย้ายเงินลงทุนจากพฤติกรรม Search for Yield ได้ดังนี้

  1. ตราสารหนี้ภาคเอกชน (หุ้นกู้)
  2. อสังหาริมทรัพย์
  3. สินค้าโภคภัณฑ์
  4. หุ้นในประเทศ
  5. หุ้นต่างประเทศที่ให้ผลตอบแทนดีกว่า
  6. Bitcoin และ Cryptocurrency อื่นๆ

ผลกระทบต่อ Real Sector

Search for Yield นอกจากส่งผลต่อพฤติกรรมการเคลื่อนย้ายเงินลงทุนของนักลงทุน แต่พฤติกรรม Searching for Yield ยังสามารถส่งผลกระทบต่อเนื่องไปถึง Real Sector (ภาคธุรกิจจริง) ได้เช่นกัน

ผลกระทบหลักที่ภาคธุรกิจ Real Sector จะได้รับจาก Search for Yield คือการที่ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นเพราะราคาสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodities Goods) เพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากเงินลงทุนที่ย้ายเข้ามาลงทุน ไม่ว่าจะเป็นใน ทองคำ น้ำมัน เหล็ก ทองแดง และสินค้าเกษตรอื่นๆ

อย่างไรก็ตาม มาถึงตรงนี้หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมแค่นักลงทุนมีพฤติกรรม Search for Yield แล้วเคลื่อนย้ายเงินลงทุนไปในสินทรัพย์อื่น แล้วจะส่งผลต่อราคาสินทรัพย์ได้มากขนาดนั้น คำตอบคือนักลงทุนที่มีพฤติกรรม Search for Yield นั้นไม่ได้มีเพียงแค่นักลงทุนที่เป็นรายย่อย แต่ในตลาดยังมีผู้เล่นอื่นอยู่ด้วย ไม่ว่าจะเป็น

  1. นักลงทุนที่กู้เงินมาลงทุน (Margin) ถ้ากู้มาด้วยดอกเบี้ย 1% ก็ต้องหาผลตอบแทนให้ได้มากกว่า 1%
  2. นักลงทุนสถาบัน (กองทุน) ที่ต้องหาผลตอบแทนมาชดเชยส่วนที่หายไป
  3. นักลงทุนทั่วไปที่ต้องการผลตอบแทนที่ชนะเงินเฟ้อ
  4. การลงทุนของประกัน ไม่ว่าจะเป็น กองทุนประกันสังคม กองทุนบำเหน็ดบำนาญ และกองทุนของบริษัทประกันทั่วไป

ทั้งหมดจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมพฤติกรรม Search for Yield จึงจำให้เกิดการไหลของเงินลงทุนมากพอที่จะทำให้ราคาสินทรัพย์เปลี่ยนแปลงไปไม่มากก็น้อย

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับกลไกผลตอบแทนตราสารหนี้ (Bond Yield) แบบละเอียดได้ที่บทความ: Bond Yield คืออะไร?

บทความที่เกี่ยวข้อง

เว็บไซต์ของเราใช้คุกกี้ (Cookies) เพื่อมอบประสบการณ์ใช้งานที่ดียิ่งขึ้น ปรับตั้งค่าปฏิเสธ Cookies ยินยอม ดูรายละเอียด