SMART คือ หลักที่ใช้สำหรับการตั้งเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจเพื่อวัดผลการดำเนินงานที่สามารถวัดผลได้ โดยหลัก SMART จะเป็นหลักการมักจะใช้ในการตั้งเป้าหมาย (Goal) วัตถุประสงค์ (Objective) และ KPI (Key Performance Indicator)
หลัก SMART คือ หลักสำหรับการตั้งเป้าหมายที่ประกอบด้วย 5 ปัจจัยที่เป็นที่มาของชื่อย่อของ SMART ได้แก่ Specific, Measurable, Achievable, Realistic, และ Timely
แต่ละปัจจัยของของหลัก SMART ในการตั้งเป้าหมายทั้ง 5 มีความหมายในเบื้องต้น ดังนี้
- Specific หมายถึง เป้าหมายมีความเฉพาะเจาะจง ชัดเจน
- Measurable หมายถึง สามารถวัดได้ในทางสถิติ
- Achievable หมายถึง สามารถสำเร็จได้จริง เป็นไปได้
- Realistic หมายถึง เป้าหมายที่ตั้ง มีความสอดคล้องกับความเป็นจริง
- Timely หมายถึง มีกำหนดเวลาของเป้าหมายที่ชัดเจน
สามารถสรุปได้ว่าการตั้งเป้าหมายด้วยหลัก SMART Goal คือ การตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน สมเหตุสมผลเป็นไปได้ วัดได้ และมีกรอบเวลาที่ชัดเจน
SMART เป็นหลักการที่นิยมใช้ในการนำไปตั้งเป้าหมาย Objective และ Goal ขององค์กร เพื่อวัดผลการดำเนินงานองค์กรในภาพกว้าง และใช้ในการตั้ง KPI (Key Performance Indicator) เพื่อการวัดผลการดำเนินงานในระดับหน่วยงานภายในองค์กร หรือในระดับ Functional Strategy
ตัวอย่างเช่น การเพิ่มจำนวนลูกค้าที่กลับมาซื้อสินค้าซ้ำ 10% จากยอดขายของเดือนที่แล้ว ภายในระยะเวลา 1 เดือน เป็นต้น
Specific
Specific คือ เป้าหมายจะต้องมีลักษณะที่เฉพาะเจาะจงและชัดเจน เป้าหมายที่ตั้งด้วย หลัก SMART ต้องระบุอย่างชัดเจนว่าต้องทำอะไรหรือต้องการอะไร
ตัวอย่างเช่น การหาลูกค้ารายใหม่ 10% ในระยะเวลา 1 ปี จากตัวอย่างจะเห็นว่ามีการบอกอย่างชัดเจนว่า “ต้องการหาลูกค้ารายใหม่”
Measurable
Measurable คือ เป้าหมายจะต้องสามารถวัดได้ในทางสถิติได้ (กำหนดเป้าที่จะวัดเป็นเลข) ซึ่งการทำให้เป้าหมายวัดได้ด้วยตัวเลขจะทำให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าสำเร็จหรือไม่สำเร็จ
เช่น เพิ่มการซื้อซ้ำของลูกค้าเก่า 20% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
จากตัวอย่าง จะเห็นว่าใช้ยอดขายของปีที่แล้วมาเป็นตัวเปรียบเทียบ โดยตั้งเป้าไว้ว่าจะต้องขายให้ได้มากกว่าปีที่แล้ว 20%
Achievable
Achievable คือ เป้าหมายจะต้องเป็นเป้าหมายที่สามารถบรรลุผลได้จริง หรือก็คือเป้าหมายที่ตั้งตามหลัก SMART ต้องตั้งให้มันเป็นไปได้ (ไม่ใช่กาาตั้งง่ายๆ ให้สำเร็จ 100%)
ตัวอย่างการตั้งเป้าหมายที่ไม่สามารถบรรลุผลได้ (ตั้งเป้าหมายเกินจริง) เช่น ตั้งเป้าว่าจะหาลูกค้าใหม่ให้ได้ 1 ล้านคน ในระยะเวลา 1 ปี
จะเห็นว่าจากตัวอย่างจะเป็นการตั้งเป้าหมายที่ไม่ถูกหลัก SMART คือ การที่หาลูกค้าใหม่ 1 ล้านคนใน 1 ปี โดยปกติแล้วเป็นเรื่องที่ไม่สามารถทำได้
Realistic
Realistic คือ การที่เป้าหมายจะต้องสอดคล้องกับความเป็นจริง เป็นการตั้งเป้าหมายให้สมเหตุสมผลกับสิ่งที่เป็นอยู่หรือสถานการณ์ที่เป็นอยู่ขององค์กร
สมมติว่า บริษัทกำลังเกิดวิกฤติด้านการเงิน ดังนั้นบริษัทจึงควรที่จะตั้งเป้าหมายที่เกี่ยวกับการฟื้นฟู อย่างเช่น การตั้งเป้าว่าจะลดความผิดพลาดในการผลิตเพื่อลดตุนทุนลง
Timely
Timely หมายถึง การที่การตั้งเป้าหมายที่ดีจะต้องมีการกำหนดช่วงระยะเวลาในการวัดผลที่ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็น 1 เดือน 1 ไตรมาส หรือ 1 ปี
ตัวอย่างเช่น เพิ่มยอดขาย X% ภายในระยะเวลา 1 ปี จากตัวอย่าง ระยะเวลาถูกตั้งไว้อย่างชัดเจน คือ ภายในระยะเวลา 1 ปี
ตัวอย่าง Objective และ Goal ตามหลัก SMART
นอกจากนี้ หลัก SMART Goal ยังสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับการตั้งเป้าหมายอะไรก็ได้ในชีวิตประจำวัน นอกจากนำไปใช้ในการตั้ง KPI (Key Performance Indicator) หรือการตั้ง Objective และ Goal ขององค์กร อย่างเช่น การตั้งเป้าหมายในการสอบ และการตั้งเป้าหมายในการเก็บเงิน เป็นต้น
สมมติว่า ตั้งเป้าหมายว่าจะลดน้ำหนักจาก 70 กิโลกรัมเหลือ 65 กิโลกรัม ภายใน 3 เดือน
- Specific คือ การระบุชัดเจนว่า “ลดน้ำหนัก”
- Measurable คือ เป้าหมายลด 5 กิโลกรัม
- Achievable คือ การลดน้ำหนัก 5 กิโลกรัม เป็นเรื่องที่สามารถเป็นไปได้
- Realistic คือ การที่จะตั้งเป้าหมาย 5 กิโลใน 3 เดือนได้ ต้องเป็นคนที่มีวินัยประมาณหนึ่ง
- Timely คือ การกำหนดระยะเวลาในการลดน้ำหนักไว้ 3 เดือน