Source of Power คือ แนวคิดเกี่ยวกับที่มาของอำนาจของผู้นำในองค์กร เป็นแนวคิดของ Bertram Raven และ John French ในปี 1959 โดยแบ่ง แหล่งที่มาของอำนาจหรือ Source of Power ที่ทำให้ผู้นำมีอำนาจออกเป็น 5 ส่วน ได้แก่ Legitimate Power, Reward Power, Coercive Power, Referent Power, และ Expert Power
หลังจากนั้นหกปีต่อมาในปี 1965 Bertram Raven ได้เพิ่มอีกหนึ่งปัจจัยที่เป็นเหล่งที่มาของอำนาจ ทำให้ Source of Power เพิ่มจาก 5 เป็น 6 แหล่งที่มา โดยแหล่งที่มาของอำนาจที่ถูกเพิ่มเข้ามาภายหลังคือ Informational Power
โดยความหมายของ Source of Power หรือ แหล่งที่มาของอำนาจ ทั้ง 6 ส่วนแบบคร่าว ๆ ได้แก่
- Legitimate Power
- Reward Power
- Coercive Power
- Referent Power
- Expert Power
- Informational Power
Legitimate Power
Legitimate Power คือ อำนาจของผู้นำที่เกิดมาตามอำนาจหน้าที่ของตำแหน่งของผู้นำแต่ละคน ตัวอย่างเช่น นาย A เป็นหัวหน้าแผนก Marketing ดังนั้นนาย A จึงมีอำนาจที่จะสั่งพนักงานที่อยู่ในแผนก Marketing ในทางกลับกันนาย A ก็จะไม่มีอำนาจที่จะสั่งพนักงานในแผนกอื่น และผู้บริหารที่อยู่ในระดับสูงกว่า
โดย Legitimate Power คือ Source of Power หรือแหล่งที่มาของอำนาจที่เป็นพื้นฐานที่สุดของผู้นำในทุกองค์กร เพราะ Legitimate Power คือ อำนาจที่มีติดตัวผู้นำแต่ละคนอยู่แล้ว แต่จะมีมากหรือน้อยก็จะขึ้นอยู่กับว่าผู้นำคนนั้นอยู่ในตำแหน่งที่สูงมากแค่ไหน
Reward Power
Reward Power คือ อำนาจที่มาจากความสามารถในการให้รางวัลของผู้นำ เป็นการใช้รางวัลที่เป็นเงินหรือไม่ใช่เงินเป็นสิ่งจูงใจให้ผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาทำตามคำสั่งที่ผู้นำมอบหมาย หรือใช้เพื่อเป็นแรงจูงใจให้พนักงานทำงานให้ดีขึ้นกว่าเดิม (ในกรณีของโบนัส)
ตัวอย่างของ Reward Power ได้แก่ เงินรางวัล การให้วันหยุดเพิ่ม การให้โบนัส การเพิ่มเงินเดือน และการเลื่อนตำแหน่ง เป็นต้น
Coercive Power
Coercive Power คือ อำนาจที่เกิดขึ้นจากการใช้กฎเกณฑ์ในการควบคุม การใช้ Coercive Power จะเป็นด้านตรงข้ามกับ Reward Power เนื่องจากจะเป็นการใช้ความกลัวในการควบคุมให้พนักงานปฏิบัติตามคำสั่ง
อย่างเช่น การที่หัวหน้ามีสิทธิในการไล่พนักงานออกเมื่อพนักงานทำผิดกฎร้ายแรง และการลงโทษพนักงานที่ไม่ทำงานให้เสร็จตามระยะเวลาที่กำหนดเอาไว้
Referent Power
Referent Power คือ แหล่งที่มาของอำนาจที่เกิดจากความสัมพันธ์ของผู้นำ ที่ทำให้คนในองค์กรยอมทำตามคำสั่งของผู้นำ อย่างเช่น ความชอบ ความเคารพในตัวของผู้นำ และบุคลิกที่น่าเชื่อถือ เป็นต้น
พูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ ผู้นำที่มีคนรักเยอะคือผู้นำมี Referent Power สูง ในขณะที่ผู้นำที่มีแต่คนเกลียดหรือไม่ชอบคือผู้นำที่มี Referent Power ต่ำนั่นเอง
ซึ่ง Referent Power เป็นอำนาจที่เกิดขึ้นโดยตัวของผู้นำเอง ไม่ได้เกิดขึ้นตามอำนาจหน้าที่เหมือนกับ 3 ปัจจัยก่อนหน้า ทำให้ผู้นำแต่ละคนอาจจะมีอำนาจจาก Referent Power ที่ไม่เท่ากันหรือไม่มีเลยก็ได้
Expert Power
Expert Power คือ อำนาจของผู้นำที่มาจากความสามารถเฉพาะทางบางอย่าง ซึ่ง Expert Power จะทำให้คนทำตามผู้นำได้จากการที่คนเชื่อในความสามารถของตัวผู้นำ
ตัวอย่างเช่น นาย A เป็นหัวหน้าแผนกการตลาดและการขาย โดยนาย A ได้สอนทริคในการขายปิดการขายให้กับ B ที่เป็นเซลส์ที่อยู่ในแผนก ซึ่งเมื่อ B นำไปใช้แล้วได้ผลจริง ทำให้ B เชื่อและเคารพในความสามารถของนาย A
Informational Power
Informational Power เป็นแหล่งที่มาของอำนาจลำดับที่ 6 ที่เพิ่มเข้ามาภายหลังโดย Raven ในปี 1965 เป็นที่มาของอำนาจหรือ Source of Power ที่เกิดจากการควบคุมข้อมูลบางอย่างอยู่ ซึ่งเป็นข้อมูลที่อีกฝ่ายที่ผู้นำต้องการสั่งการต้องการข้อมูลนี้ ทำให้ Informational Power เป็นอำนาจระยะสั้นที่จะหมดอำนาจทันทีที่อีกฝ่ายรู้หรือไม่ต้องการข้อมูลนั้นแล้ว
อย่างไรก็ตาม Informational Power มักจะเป็นแหล่งอำนาจที่สำคัญทั้งในแง่ของการเจรจาต่อรองในการแลกเปลี่ยนข้อมูลบางอย่าง มากกว่าการใช้เป็นอำนาจในการสั่งการของผู้นำ
ตัวอย่างเช่น เมื่อ A ถาม B และ B ตอบว่าให้ไปถาม C เพราะเป็นคนเดียวที่รู้วิธี ณ เวลานั้นคือการที่ Informational Power ของ C เกิดขึ้น ซึ่งในกรณีที่เป็นวิธีการบางอย่าง B มีโอกาสสูงจะเชื่อและปฏิบัติตามที่ C บอก เนื่องจากไม่มีคนอื่นรู้วิธีที่ถูกต้อง
Source: Bases of Power in Leadership by French and Raven