Substitute Good คืออะไร? สินค้าทดแทนมีลักษณะอย่างไร

Substitute Good คืออะไร?

Substitute Good คือ สินค้าทดแทน ที่สามารถใช้ทดแทนสินค้าอีกชนิดหนึ่งได้ด้วยวัตถุประสงค์เดียวกัน โดยผู้บริโภคจะหันไปใช้ Substitute Good หรือ Substitute Product เมื่อไม่มีสินค้าที่ต้องการให้ใช้ ตัวอย่างเช่น น้ำมันพืชและน้ำมันถั่วเหลือง ซอสแม็กกี้กับซอสภูเขาทอง เกลือกับน้ำปลา คอมพิวเตอร์กับ Notebook เนื้อหมูกับเนื้อไก่ เป็นต้น

สำหรับใครที่เคยวิเคราะห์ Five Force Analysis มาก่อน Substitute Good ในที่นี้ก็คือ Substitute Product ในส่วนของ Threat of Substitute Product นั่นเอง

ความสัมพันธ์ระหว่างราคาสินค้า (Price) ชนิดหนึ่ง กับความต้องการซื้อ (Demand) สินค้าอีกชนิดหนึ่งที่เป็นสินค้าทดแทน (Substitute Good) จะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน

หรือพูดง่าย ๆ ก็คือเมื่อราคาสินค้า A เพิ่มขึ้น ความต้องการซื้อสินค้า B ที่เป็นสินค้าทดแทน (Substitute Good) ของสินค้า A จะเพิ่มขึ้นตาม

แต่เมื่อราคาสินค้า A ลดลง ความต้องการซื้อสินค้า B ก็จะลดลงตาม เพราะคนกลับมาใช้สินค้า A เหมือนเดิม (ในกรณีที่คนเหล่านั้นไม่ได้ใช้สินค้า B จนติดไปแล้ว)

• สินค้า A ราคาเพิ่มขึ้น ความต้องการสินค้า B เพิ่ม
• สินค้า A ราคาลดลง ความต้องการสินค้า B ลดลง

กราฟ Substitute Good

โดยความสัมพันธ์ระหว่างระดับราคา (Price) กับความต้องการซื้อ (Demand) สินค้าทดแทน หรือ Substitute Goods สามารถเขียนเป็นกราฟได้ตามภาพด้านล่าง

จากกราฟสินค้าทดแทน หรือ Substitute Good จะเห็นว่า เมื่อราคาสินค้า A เพิ่มขึ้นจาก 50 บาท เป็น 100 บาท ความต้องการซื้อสินค้า B ที่เป็น สินค้าทดแทน ของสินค้า A จะเพิ่มขึ้นจาก 25 เป็น 50

ซึ่งสาเหตุมาจากการที่ผู้ซื้อสินค้า A รู้สึกว่าราคาสินค้า A ที่เพิ่มขึ้นแพงเกินไป จึงต้องหนีมาใช้สินค้าที่ราคาถูกกว่า หรือคุ้มค่ากว่า (ในที่นี้คือสินค้า B)

ในทางกลับกัน เมื่อไหร่ก็ตามที่ราคาสินค้า A ลดลงจาก 100 บาท กลับมาที่ 50 บาท ความต้องการซื้อ (Demand) ของสินค้า B ก็จะลดลงตาม เนื่องจาก ผู้บริโภคบางส่วนกลับไปใช้สินค้า A เหมือนเดิม

ในทางการตลาดสิ่งที่ Brand ควรระวังก็คือการที่ลูกค้าหันไปใช้ Substitute Good หรือ สินค้าทดแทน จนไม่กลับมาใช้สินค้าของ Brand อีกเลย ปัญหาในลักษณะนี้โดยมากเกิดจากการที่ลูกค้าไม่สามารถซื้อสินค้าได้เมื่อต้องการจะซื้อ ซึ่งเป็นผลมาจากการที่สินค้าของแบรนด์ ซึ่งปัญหาเกิดจากการที่แบรนด์เลือกช่องทางในการจัดจำหน่ายได้ไม่ทั่วถึงหรือไม่ตรงกลุ่มเป้าหมาย

อย่างไรก็ตาม ปัญหาดังกล่าวสามารถแก้ไขได้ด้วยการเพิ่ม ช่องทางการจัดจำหน่าย (Place) ให้เข้าถึงผู้บริโภคทุกกลุ่มของแบรนด์เท่าที่จะเป็นไปได้