หน้าแรก » การลงทุน » High Risk High Return ความเสี่ยงของการลงทุน ที่นักลงทุนเข้าใจผิด

High Risk High Return ความเสี่ยงของการลงทุน ที่นักลงทุนเข้าใจผิด

บทความโดย safesiri
High Risk High Return คือ การลงทุน ความเสี่ยง ผลตอบแทน

High Risk High Return คือ ความสัมพันธ์ระหว่างความเสี่ยงกับผลตอบแทนจากการลงทุนที่ได้รับ พื้นฐานของ High Risk High Return คือยิ่งความเสี่ยงของหลักทรัพย์สูงผลตอบแทนจากการลงทุนก็จะยิ่งสูงขึ้นตาม และยิ่งความเสี่ยงต่ำก็จะให้ผลตอบแทนที่ต่ำเช่นกัน

อย่างเช่น ฝากเงินกับธนาคารที่ให้ผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยแค่ประมาณ 1% เนื่องจากการฝากเงินกับธนาคารมีความเสี่ยงที่ต่ำมากโดยความเสี่ยงของการลงทุนด้วยฝากเงินกับธนาคาร มีเพียงการที่ธนาคารไม่สามารถจ่ายเงินคืนได้ซึ่งมีอยู่แค่ไม่กี่เหตุผล 

เนื่องจากเป็นเหตุการณ์ที่มีโอกาสเกิดต่ำมาก ทำให้ธนาคารไม่จำเป็นต้องให้ดอกเบี้ยสูงเพื่อดึงคนมาฝากเงิน ทำให้ผลตอบแทนของการฝากเงินกับธนาคาร (Return) ต่ำ เรียกได้ว่าเป็น Low Risk Low Return

ในขณะที่การลงทุนในหุ้นให้ผลตอบแทนสูงกว่าการฝากเงินกับธนาคารแต่ก็แลกมาด้วยความเสี่ยงจากการขาดทุนที่มากขึ้น ในกรณีนี้ก็อาจจะเรียกว่า High Risk High Return เมื่อเทียบกับเงินฝาก

High Risk, High Expected Return

จากทั้ง 2 กรณีด้านบนทำให้หลายคนเชื่อไปเองว่า High Risk High Return คือ การที่ความเสี่ยงสูงต้องได้ผลตอบแทนสูง แต่ในความเป็นจริง High Risk High Expected Return หรือ ความเสี่ยงสูงทำให้คาดว่าจะได้รับผลตอบแทนที่สูง

กล่าวคือ “ผลตอบแทนที่สูงไม่ได้จำเป็นต้องมีความเสี่ยงสูงเสมอไป”

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าจะบอกว่า “ผลตอบแทนสูง ไม่ได้จำเป็นต้องเสี่ยงเสมอไป” แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผลตอบแทนดังกล่าวจะได้มาง่าย แต่สิ่งที่ทำให้ความเสี่ยงลดลงแทนที่จะเป็น High Risk High Return คือ การจัดการกับความเสี่ยง ซึ่งเราเรียกว่า “การบริหารความเสี่ยง หรือ Risk Management”

หากนักลงทุนสามารถควบคุมความเสี่ยงได้ ผลกระทบจากความเสี่ยงที่สูง (High Risk) จะลดลง ในขณะที่ผลตอบแทนยังสูงเท่าเดิม (High Return) โดยการทำแบบนั้นเราจะเรียกว่า การบริหารความเสี่ยง (Risk Management)

ความเสี่ยง (Risk) คืออะไร?

ความเสี่ยง คืออะไร? เป็นสิ่งแรกที่ต้องเข้าใจก่อนที่จะบริหารความเสี่ยง เพื่อลดความเสี่ยงจากคำว่า High Risk High Return ก่อนอื่นความเสี่ยงอย่างง่ายจะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ Systematic Risk กับ Unsystematic Risk

การบริหารความเสี่ยง (Risk Management) คือ การจัดการกับความเสี่ยงที่เกิดขึ้นเหล่านี้อย่างเหมาะสม ซึ่งความเสี่ยงแต่ละประเภทจะมีวิธีป้องกันความเสี่ยงที่ต่างกัน

Systematic Risk

Systematic Risk คือ ความเสี่ยงที่ไม่สามารถควบคุมได้ เป็นความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจาก ปัจจัยภายนอก (External Factors) ที่เป็นผลกระทบในวงกว้าง (ทุกคน หรือคนส่วนใหญ่ได้รับความเสี่ยงดังกล่าว) ตัวอย่างเช่น วิกฤตเศรษฐกิจ การเมือง ความเปลี่ยนแปลงของกระแสโลกาภิวัฒน์ เศรษฐกิจ และสงคราม เป็นต้น

อย่างที่บอกว่า Systematic Risk คือ ความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอก ทำให้การจัดการกับ Systematic Risk ทำได้เพียงหลีกเลี่ยงหรืออยู่ห่างจากความเสี่ยงให้มากที่สุด เพื่อให้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุดจากปัญหาดังกล่าว

Unsystematic Risk

Unsystematic Risk คือ ความเสี่ยงที่สามารถควบคุมได้มากที่สุด โดย Unsystematic Risk เป็นความเสี่ยงที่เกิดขึ้นเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรม เกิดขึ้นเฉพาะสินทรัพย์บางอย่างหรือเกิดขึ้นเฉพาะกับคุณเท่านั้น Unsystematic Risk จึงเป็นลักษณะเฉพาะของสิ่งที่นักลงทุนเลือกเข้าไปลงทุน เช่น การลงทุนในกลุ่มพลังงานทดแทน ความเสี่ยงที่มีผลมากที่สุดก็คือราคาน้ำมันที่ลดลง

เนื่องจาก Unsystematic Risk เป็นเรื่องที่สามารถบริหารจัดการได้ ทำให้ในส่วนของ Unsystematic Risk คือสิ่งที่นักลงทุนจะสามารถลดความเสี่ยงได้มากถึงมากที่สุด ทำให้การลงทุนในสินทรัพย์ที่ High Risk High Return สามารถลดความเสี่ยงได้อย่างมาก

จากกรณีตัวอย่างของการลงทุนในพลังงานทดแทน สมมติว่านักลงทุนทำการบ้านมาดีพอและรู้ว่าราคาน้ำมันจะสูงไปอีกนาน (อาจจะได้มาจาก การวิเคราะห์แนวโน้มราคา ความตึงเครียดในกลุ่มผู้ค้าน้ำมัน หรือมุมมองต่อนโยบายรัฐบาล) จะทำให้นักลงทุนสามารถเลือกช่วงเวลาในการลงทุนในกลุ่มพลังงานทดแทนได้อย่างถูกต้อง

จากตัวอย่างสิ่งที่จะทำให้ความเสี่ยงลดลงได้ ในขณะที่ผลตอบแทนยังสูงอยู่ก็คือ “การศึกษาข้อมูลที่มากพอ” นั่นเอง สำหรับผู้เขียนเองเชื่อว่าอย่างน้อยที่สุดที่นักลงทุนควรจะรู้เมื่อต้องการลงทุนกับอะไรซักอย่าง ควรจะรู้ประเด็นเหล่านี้

  1. สินทรัพย์ดังกล่าวคืออะไร มีประโยชน์อย่างไร ทำไมคนต้องการหรือทำไมต้องมีอยู่
  2. ความเสี่ยงของการลงทุนในสินทรัพย์ดังกล่าวคืออะไร
  3. อะไรมีผลต่อความเสี่ยงในแต่ละประเด็น (อะไรทำให้เกิดความเสี่ยงแต่ละข้อ)
  4. สินทรัพย์ที่เป็นด้านตรงข้ามของสินทรัพย์นี้ (รวมถึงสินค้าทดแทน)
  5. จะทำกำไรจากสินทรัพย์นี้ได้อย่างไรบ้าง

นอกจากนี้ การบริหารความเสี่ยงแบบ Unsystematic Risk ยังรวมไปถึงการบริหารความเสี่ยงที่เกิดจากตัวนักลงทุนเองอีกด้วย เช่น การบริหารเงินลงทุน (Money Management), ความสามารถในการใช้เหตุและผลในการตัดสินใจ, และทักษะในการตัดสินใจที่อยู่เหนืออารมณ์

สรุป High Risk High Return จริงหรือ?

High Risk High Return คือมุมมองต่อความเสี่ยงเมื่อเทียบกับผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับจากการลงทุน เรียกได้ว่า High Risk High Expect Return ที่มองว่ายิ่งการลงทุนมีความเสี่ยงสูง ผลตอบแทนก็จะสูงตาม

ด้วยความเข้าใจผิดของใครหลาย ทำให้คนเข้าใจไปเองว่าต้อง High Risk High Return เสมอไป ซึ่งในความเป็นจริงแล้วปัญหาอยู่ที่การจัดการความเสี่ยงที่เกิดขึ้นให้น้อยลงที่สุด เพราะการทำให้ความเสี่ยงของการลงทุนลดลงด้วยการบริหารความเสี่ยง ไม่ได้ทำให้กำไรลดลงมากแต่อย่างใด

เพราะไม่ว่าจะลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำมากแค่ไหน (Low Risk) แต่ถ้าไม่บริหารและประเมินความเสี่ยงของหลักทรัพย์ ก็อาจจะนำไปสู่การขาดทุนได้เช่นกัน

บทความที่เกี่ยวข้อง

เว็บไซต์ของเราใช้คุกกี้ (Cookies) เพื่อมอบประสบการณ์ใช้งานที่ดียิ่งขึ้น ปรับตั้งค่าปฏิเสธ Cookies ยินยอม ดูรายละเอียด