เคยสงสัยไหมว่าบริษัทที่บอกว่า “ใหญ่” ที่สุดในโลก วัดมูลค่าความยิ่งใหญ่นี้กันอย่างไร? ตัวเลขรายได้? หรือจำนวนสาขาทั่วโลก?
จริงอยู่ที่เกณฑ์เหล่านี้ที่ยกตัวอย่างมาเป็นเกณฑ์ที่น่าสนใจ แต่อีกหนึ่งเครื่องมือสำคัญที่นักลงทุนทั่วโลกรู้จักกันดี คือ “Market Cap หรือ Market Capitalization” ตัวเลขที่เผยความ “ใหญ่” ในแง่ของ “มูลค่าตามราคาตลาด” ที่ในบทความนี้เราจะพาไปไขข้อสงสัยว่ามันคืออะไรและบอกอะไรเราได้บ้าง
Market Cap คือ อะไร?
Market Cap ย่อมาจาก Market Capitalization หมายถึง มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด ที่ใช้ในการแสดงมูลค่ารวมทั้งหมดของสินทรัพย์ชนิดหนึ่งหากคำนวณจากราคาตลาดปัจจุบัน โดย Market Cap จะคำนวณมาจากราคาตลาดปัจจุบันของสินทรัพย์คูณด้วยจำนวนหน่วยทั้งหมดของสินทรัพย์นั้น
Mkt Cap = ราคาตลาดปัจจุบัน x จำนวนหลักทรัพย์ทั้งหมด
ซึ่งการคำนวณหา Market Cap หรือ Market Capitalization ดังกล่าวสามารถใช้ได้กับสินทรัพย์ใดก็ตาม ไม่ว่าจะเป็น หุ้น คริปโตเคอร์เรนซี สินค้าโภคภัณฑ์ หรือแม้กระทั่งเงินแต่ละสกุลที่เราใช้กันอยู่ในปัจจุบัน
ตัวอย่างเช่น ในการคำนวณ Market Cap ของหุ้น GGs ที่ปัจจุบันหุ้นมีราคา 8 บาทต่อหุ้น และมีหุ้นอยู่ทั้งหมด 100 ล้านหุ้น จะเห็นว่า Market Cap ของหุ้นจะสามารถคำนวณได้โดยการนำ “ราคาหุ้น GGs ปัจจุบัน x จำนวนหุ้น GGs ทั้งหมด” ดังนั้นจากตัวอย่าง Market Cap ของหุ้น GGs = 8 บาท x 100 ล้านหุ้น = 800 ล้านบาท
จะเห็นว่าสิ่งที่เป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนของ Market Cap จะประกอบด้วย 2 ปัจจัยหลัก คือ การเปลี่ยนแปลงของราคาหลักทรัพย์ และการเปลี่ยนแปลงของปริมาณหลักทรัพย์ทั้งหมด ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา
มูลค่า Market Cap บอกอะไรบ้าง
Market Cap คือ ตัวเลขที่เป็นตัวชี้วัดที่นักลงทุนใช้ในการประเมินขนาดและประสิทธิภาพของสินทรัพย์หรือบริษัท เพื่อใช้เป็นเกณฑ์ในการเปรียบเทียบขนาดระหว่างหลักทรัพย์ อย่างเช่น การเปรียบเทียบขนาดของบริษัทในอุตสาหกรรมเดียวกัน โดยบริษัทที่มีมูลค่า Market Capitalization ที่สูงขึ้นหรือสูงกว่ามักจะเป็นที่ยอมรับมากกว่าบริษัทที่มีมูลค่า Market Capitalization ลดลงหรือต่ำกว่า
นอกจากนั้น Market Cap ยังสามารถใช้ในการแบ่งประเภทของบริษัทตามขนาดของบริษัท ได้ดังนี้
- Large-Cap คือ บริษัทที่มี Market Cap มากกว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
- Mid-Cap คือ บริษัทที่มี Market Cap ระหว่าง 2 พันล้านถึง 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
- Small-Cap คือ บริษัทที่มี Market Cap อยู่ระหว่าง 300 ล้านถึง 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
- Micro-Cap คือ บริษัทที่มีมูลค่าตลาดต่ำกว่า 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ซึ่งขนาด Market Cap เหล่านี้ในปัจจุบันนำไปปรับใช้กับการแบ่งประเภทตามขนาดเหรียญ Cryptocurrency ด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ควรทราบว่า Market Capitalization หรือ มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด นั้นไม่ได้เป็นตัวชี้วัดที่ถูกต้องของการวัดมูลค่าหรือศักยภาพของการเติบโตของบริษัท เนื่องจากมูลค่าที่คำนวณออกมาได้เป็น Market Cap ได้รับอิทธิพลจากปัจจัยอย่างราคาหุ้นหุ้นที่ไม่ได้สะท้อนถึงผลการดำเนินงานใด ๆ
นอกจากนี้ หลายครั้ง Market Cap ไม่ว่าจะเป็น Market Cap หุ้น หรือ Market Cap ของ Cryptocurrency เป็นการคำนวณด้วยจำนวนหลักทรัพย์ทั้งหมดที่มีแม้ว่าหลักทรัพย์ที่ซื้อขายอยู่ในตลาดจะมีสัดส่วนเพียงเล็กน้อยก็ตาม และในทางกลับกันเป็นการคำนวณด้วยจำนวนหลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายอยู่ในตลาดเท่านั้น ทั้งสองกรณีนำไปสู่กับดักความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อขนาด Market Cap ที่ไม่ได้มีผลอย่างมีนัยสำคัญในการเลือกลงทุน เนื่องจากยังมีอีกหลายมิติที่สำคัญสำหรับการเลือกลงทุนในสินทรัพย์แต่ละชนิด
โดยเฉพาะกับในกรณีของ Cryptocurrency ที่มักจะมีกรณีที่ Market Cap สูงเนื่องจากนำจำนวณเหรียญทั้งหมดมาคำนวณ Market Cap ในขณะเหรียญที่ซื้อขายจริงมีอยู่น้อยมาก ตัวอย่างเช่น เหรียญ A มีทั้งหมด 100 ล้านเหรียญ แต่การซื้อขายเหรียญดังกล่าวจริงมีเพียง 1 เหรียญที่ราคา 1,000 บาท เพียงเหรียญเดียว Market Cap ของเหรียญ A ที่คำนวณด้วยวิธีดังกล่าวจะมีมูลค่าสูงถึง 1 แสนล้านบาททันที
หาข้อมูล Market Capitalization จากไหนได้บ้าง?
ปัจจุบันการค้นหา Market Cap ของหลักทรัพย์ใด ๆ ก็ตามสามารถทำได้อย่างง่ายดายผ่านเครื่องมือที่ใช้ซื้อขายหลักทรัพย์ดังกล่าว ตลอดจนแอปพลิเคชั่นของบุคคลที่ 3 ที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับหลักทรัพย์แต่ละประเภท
โดย Market Cap ของหุ้นสามารถดูได้จากเว็บไซต์ของตลาดหลักทรัพย์ที่หุ้นดังกล่าวจดทะเบียนอยู่ อย่างหุ้นที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจะสามารถดู Market Cap ของหุ้นที่ต้องการได้ในเว็บไซต์ settrade.or.th และ set.or.th ในส่วนของข้อมูลรายหุ้น ซึ่งจะแสดงข้อมูล Market Cap ของหุ้นเอาไว้ในส่วน “มูลค่าตามราคาตลาด” หรือดูได้โดยตรงจากโปรแกรมที่ใช้ในการเทรดหุ้น
เช่นเดียวกันกับ Market Cap ของเหรียญ Cryptocurrency ที่สามารถดูได้ในหน้าข้อมูลของแต่ละเหรียญในแต่ละ Exchange อีกทั้งยังสามารถดูได้จากเว็บไซต์ข้อมูลเหรียญ อย่างเช่น CoinMarketCap.com และ CoinDesk.com